เปลวเพลิงเร็กกะ: ปลายทางแห่งเพลิงผลาญ

พล็อต
ในเมืองโดบาชิ เร็กกะ ฮานาบิชิ เป็นที่รู้จักจากความเร็วและความคล่องแคล่วที่ยอดเยี่ยม ซึ่งได้มาจากการฝึกฝนวิชานินจาอย่างเข้มข้น แต่สิ่งที่ทำให้เร็กกะแตกต่างจากคนอื่นคือการที่เขามี 'เคียวได โนะ โทกิ' หรือพลังงานคล้ายเปลวเพลิงมหัศจรรย์ที่สามารถขยายความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาและอนุญาตให้เขาเข้าถึงดินแดนแห่งโซระ ซึ่งเป็นโดเมนทางจิตวิญญาณอันกว้างใหญ่ ด้วยความสามารถอันร้อนแรงของเขา เร็กกะมุ่งมั่นที่จะทำให้ดินแดนโซระเป็นสถานที่ที่มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนกับเทพเจ้าและสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติอื่นๆ เร็กแบ่งปันความคิดของเขาเกี่ยวกับการสร้างสังคมยูโทเปียกับเพื่อนในวัยเด็กของเขา ยานางิ โดโมโกะ และมิกัน ในวิสัยทัศน์นี้ มนุษย์จะอยู่ร่วมกันกับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติในดินแดนแห่งโซระ ซึ่งวงจรการกลับชาติมาเกิดและการเกิดใหม่มีอำนาจ นี่ถือเป็นเป้าหมายที่สามารถบรรลุได้ ด้วยความขอบคุณที่มนุษย์ใช้พลังทางจิตวิญญาณภายใน หรือ 'กิ' ด้วยพรหมลิขิต เร็กกะพบว่าตัวเองขัดแย้งกับศัตรูคู่อาฆาตมายาวนานของเขา นันโป ผู้นำของกลุ่มนินจาโทเก็น ริว นันโปโกรธแค้นความฝันของเร็กกะเกี่ยวกับการร่วมมือกันระหว่างมนุษย์และชาวดินแดนโซระ ปฏิเสธที่จะเชื่อว่ามนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขกับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติได้ ตามที่นันโปกล่าว เป็นเรื่องปกติที่มนุษย์จะครอบงำและครองอำนาจสูงสุดเหนือดินแดนแห่งโซระ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นระหว่างเร็กกะและนันโป ทั้งสองปะทะกันอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยทักษะนินจาที่ยอดเยี่ยมและความสามารถเหนือธรรมชาติที่แสดงโดยทั้งคู่ แม้ว่าเร็กกะจะประสบกับความพ่ายแพ้และการบาดเจ็บในตอนต้น แต่เขาก็ลุกขึ้นเหนือสถานะที่เปราะบางในปัจจุบันของเขา โดยดึงพลังงานจากพันธมิตรของเขา ความผูกพันของเขากับมิกัน และความมุ่งมั่นที่ไม่ย่อท้อของเขาในการปกป้องผู้บริสุทธิ์ในโดบาชิ ด้วยการเสียสละและความเพียรพยายาม เร็กกะก็ได้รับชัยชนะ ยุติการปกครองด้วยความหวาดกลัวที่นันโปนำมา เมื่อเร็กกะได้รับชัยชนะอย่างชัดเจน ทั้งเร็กกะและเพื่อนในวัยเด็กของเขาต่างก็ได้รับการเยี่ยมชมจากนิมิตลึกลับแห่งอนาคต นิมิตที่ถ่ายทอดผ่านบทเว้นวรรคนิมิตแปลกๆ ตลอดทั้งเรื่อง ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ทั้งในโลกแห่งโซระและโลกของมนุษย์ ดูเหมือนว่าเมื่อเวลาผ่านไป ขอบเขตระหว่างดินแดนเหล่านี้จะเริ่มเบลอมากขึ้นเมื่อมนุษย์ สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ และปีศาจพบว่าตัวเองเผชิญหน้ากันในการเผชิญหน้าที่คาดเดาไม่ได้ ความตระหนัก ซึ่งถูกตอกย้ำผ่านภาพ回顾เป็นตอนๆ เป็นความจริงที่โหดร้ายที่บุคคลเหล่านี้จากทรงกลมต่างๆ ได้แบ่งปันมิตรภาพในตอนต้น ซึ่งในที่สุดก็พังทลายลงเมื่อเผชิญกับภัยพิบัติระดับโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น ด้วยภาพ回顾ที่เผยให้เห็นความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์โรแมนติกที่พังทลายลงเมื่อความวุ่นวายทวีความรุนแรงขึ้น ความตึงเครียดจึงก่อตัวขึ้นระหว่างตัวเอกที่รอดชีวิตทั้งหมด ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางความวุ่นวายที่ทวีความรุนแรงขึ้น นิมิตที่แบ่งปันระหว่างเร็กกะ มิกัน และคนอื่นๆ เผยให้เห็นผลกระทบที่ตามมาของการเดินทางของแต่ละคน ที่นี่เองที่ความลับที่ฝังลึก ความกลัวที่แบ่งปัน และมิตรภาพเก่าแก่ผุดขึ้นสู่ผิวน้ำ เพื่อนเก่าคนหนึ่งและสหายสนิทคือคาเงโระ หญิงใจดีผู้มีพลังจิตซึ่งติดอยู่ในการต่อสู้ที่ปั่นป่วน ซึ่งทำให้โลกแตกร้าวระหว่างมนุษย์ ชาวดินแดนโซระ และสิ่งมีชีวิตร้ายกาจที่รู้จักกันในชื่อเทนเซ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ อีกมากมายในเรื่องราวที่กำลังดำเนินไป คาเงโระปรารถนาที่จะปกป้องมนุษยชาติจากภัยคุกคามที่กำลังคลี่คลาย ในขณะที่ความรักของคาเงโระที่มีต่อเร็กกะนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่ามิตรภาพ เคมีพื้นฐานนี้ทำหน้าที่สร้างความจงรักภักดีต่อกันและกัน โดยสะท้อนคำพูดของคาเงโระ เมื่อเธอให้กำลังใจเร็กกะอันเป็นที่รักของเธออย่างสุดใจ ให้จดจำความรักของพวกเขาและเติบโตแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องคนที่รักซึ่งเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งโซระ ซึ่งแบ่งปันหัวใจ จิตวิญญาณของเธอกับวิญญาณโซระที่เหลือ สถานการณ์ที่ดำเนินอยู่ช้าๆ ส่งผลกระทบต่อจุดสุดยอดของมัน เนื่องจากมนุษย์ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอำนาจเริ่มสูญเสียการควบคุมมากขึ้นเรื่อยๆ และพลังแห่งความมืดที่ชั่วร้ายก็รวบรวมโมเมนตัมอย่างรวดเร็ว ทำให้สมดุลที่ละเอียดอ่อนซึ่งมีอยู่ก่อนหน้านี้เสียไป ดูเหมือนว่าจะทำอะไรไม่ได้เมื่อเผชิญกับกองกำลังร้ายเหล่านี้ หนังเรื่องนี้บอกเป็นนัยถึงวันสุดท้ายสำหรับทั้งมนุษย์และดินแดนโซระ เนื่องจาดบุคคลจำนวนมากขึ้นยอมจำนนต่อภัยพิบัติที่ท่วมท้น ถึงกระนั้น แม้ว่าความวุ่นวายจะเข้าครอบงำ การเปิดเผยที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความผูกพันของตัวละครก็ยังคงขับเคลื่อนการกระทำของพวกเขาไปข้างหน้า การเคลื่อนไหวหัวใจเพื่อสร้างความหวังเพื่อต่อต้านความยากลำบากที่ไม่อาจจินตนาการได้ พันธมิตรทั้งหมดเผชิญกับเป้าหมายเดียว: ปกป้องคำมั่นสัญญาแห่งสันติภาพครั้งสุดท้ายของพวกเขาที่จะไม่ถูกปีศาจร้ายทำลาย พร้อมทั้งนำทางผู้อื่นให้ปฏิบัติตามความปรารถนาในหัวใจของตนด้วยสุดหัวใจและพลังใจ
วิจารณ์
Isaac
1. "The masters' sparring is truly amazing, though it's a bit rough on the furniture." 2. "It's ironic to see a traditional martial arts master getting a beating from the American military." 3. "The lives of ordinary Chinese citizens are portrayed with that familiar Hong Kong flavor. Kent Cheng's portrayal of the police officer feels like a friendly neighbor. The hardship of Ip Man raising his child alone after his wife's passing is full of humanity." 4. "It would have been even better if Bruce Lee had fought in the final battle, but this is Ip Man's movie, after all." 5. "I'm not sure how to feel about Vanness Wu's portrayal of the Chinese-American officer. Is it a display of ethnic pride, or a naturalized citizen's eagerness to fit in?" 6. "Wu Yue essentially plays the same role as Sammo Hung in the second film. However, even in defeat, Sammo Hung..."
Chloe
This movie is a non-stop thrill ride! Way more intense than the previous three, it's packed with non-stop action. It ignites right from the start and keeps the high-octane excitement going. When Bruce Lee suddenly appeared amidst a cyberpunk color palette, it was a visual feast! And when he confessed his cancer diagnosis towards the end, it really hit me hard. But the emotional moments were perfectly timed – not dragging at all, just adding depth. Overall, this film is incredibly satisfying. Thank you, martial arts master.
Bella
Treasure it, as fewer and fewer people will be making Kung Fu movies in the future. Although the plot is somewhat similar to the second movie, it's still good, with Bruce Lee's action scenes being a plus.
Emersyn
Straightforward action with a chaotic flurry of punches and kicks – the fight choreography is undeniably entertaining. You have to separate it from the historical context a bit, as Ip Man seems a tad too old for the events depicted. Also, watching this film leaves you with the disheartening impression that, aside from Ip Man, the entire Chinese martial arts world is filled with incompetents.
Ryan
Let's just stop here; it's nothing more than forced sentimentality. It's essentially a carbon copy of Ip Man 2, with a粗放 plot and a forced ending that just can't keep going. A fight resolves everything, a common flaw in Hong Kong cinema. Once again, personal strength is elevated to a class level, but the viewpoint is fragmented. On the one hand, martial arts are meant to be performed alongside cheerleaders, and on the other hand, they must represent the nation in determining victory or defeat. Isn't this ridiculous? It feels like the director is engaging in some advanced trolling. The action sequences remain the biggest highlight, with Wilson Yip's ability to stir the audience's emotions being more than enough, making several confrontations exciting and providing a decent viewing experience. PS, the Bruce Lee character is a cameo, but it's misplaced in terms of the story. According to the plot...
