Inland Empire เมืองมายา

พล็อต
ลอรี (นามแฝงของตัวละครหลัก ซึ่งไม่เคยระบุชื่ออย่างชัดเจน) เป็นนักแสดงมากประสบการณ์ในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด เธอได้เห็นโครงการที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จมามากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีอะไรสามารถเตรียมเธอให้พร้อมสำหรับบทบาทที่จะทำลายขอบเขตความเป็นจริงของเธอ ภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งมีชื่อที่คล้ายคลึงกันอย่างน่าสงสัยกับโครงการใหม่ของลอรี "On High in Blue Tomorrows" เป็นเรื่องราวที่เหนือจริงและซับซ้อนที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในจิตใต้สำนึกของลอรี ทำให้เส้นแบ่งระหว่างชีวิตจริงของเธอกับโลกของตัวละครของเธอพร่ามัว เรื่องราวเริ่มต้นในวันที่ดูเหมือนธรรมดา โดยลอรีเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเธอ อย่างไรก็ตาม โลกของเธอกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อเธอสวมบทบาทเป็นซาราห์ หญิงสาวลึกลับและเก็บตัวที่ติดอยู่ในเรื่องราวเขาวงกต เมื่อลอรีเจาะลึกลงไปในตัวละคร เธอก็เริ่มประสบกับปรากฏการณ์แปลกประหลาดและอธิบายไม่ได้ สภาพแวดล้อมของเธอเริ่มบิดเบี้ยว และการรับรู้เวลาและพื้นที่ของเธอก็เริ่มลื่นไหลมากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในสัญญาณแรกสุดของการดำดิ่งสู่หลุมกระต่ายของลอรีคือความหลงใหลในตัวละครของซูซาน บลู หญิงสาวที่มีปัญหาซึ่งบรรยายเรื่องราวของ "On High in Blue Tomorrows" ซาราห์ ตัวเอกของเรื่องราวของเธอเอง เชื่อมโยงกับซูซาน บลู อย่างไร้เหตุผล และลอรีก็เริ่มหมกมุ่นอยู่กับบุคลิกที่ซับซ้อนและขัดแย้งของตัวละคร เธอเริ่มระบุตัวตนกับซาราห์ โดยเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างชีวิตและประสบการณ์ของพวกเขา เมื่อการถ่ายทำดำเนินไป การยึดเหนี่ยวความเป็นจริงของลอรีก็เริ่มสั่นคลอน เดวอน เบิร์ก (รับบทโดยเจเรมี ไอรอนส์) เพื่อนร่วมแสดงของเธอกลายเป็นศูนย์กลางในเรื่องราวของเธอ และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็พัฒนาไปสู่เกมแมวและหนูที่บิดเบี้ยว เดวอนดูเหมือนจะซ่อนความลับ และปฏิสัมพันธ์ของเขากับลอรีก็มีน้ำเสียงที่น่ากลัว ซึ่งยิ่งบ่อนทำลายความรู้สึกของตัวเธอเอง ขอบเขตระหว่างตัวละครของเธอและชีวิตจริงของเธอก็เริ่มละลาย และโลกของลอรีก็กลายเป็นดินแดนฝันร้ายของทิวทัศน์เหนือจริงและเรื่องราวที่ขาดตอน โครงสร้างที่กระจัดกระจายของ "Inland Empire" สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะที่ไม่ต่อเนื่องของประสบการณ์ของลอรี แต่ละส่วนของภาพยนตร์เชื่อมต่อกันแต่แตกต่างกัน สะท้อนให้เห็นถึงการรับรู้ความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลงไปของลอรี เช่นเดียวกับปริศนาที่มีชิ้นส่วนหายไป เรื่องราวถูกปะติดปะต่อเข้าด้วยกันผ่านภาพที่กระจัดกระจาย ดนตรีที่น่าขนลุก และความคิดที่ขาดตอนของตัวเอก หนึ่งในแง่มุมที่โดดเด่นของ "Inland Empire" คือการใช้สี ซึ่งมีคุณภาพเหมือนภาพลานตาเมื่อภาพยนตร์ดำเนินไป สีมักจะดูคมชัดและสดใส กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจและไม่สบายตัว โลกของลอรีเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับความฝันที่ความเป็นจริงหนึ่งเข้ามาแทนที่อีกความเป็นจริงหนึ่ง สภาพแวดล้อมของเธอเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า และเธอพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งบางสถานการณ์ก็คุ้นเคยอย่างน่าขนลุกแต่ก็บิดเบี้ยว เมื่อสภาพจิตใจของลอรีแย่ลง เรื่องราวก็เริ่มกระจัดกระจายมากขึ้น เวลาหมดความหมาย และความแตกต่างระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคตก็หายไป เธอติดอยู่ในเขาวงกตของเรื่องราวที่ขัดแย้งกัน โดยแต่ละเรื่องราวเสริมความรู้สึกสับสนและเคว้งคว้างของเธอ ปฏิสัมพันธ์ของเธอกับเดวอนและตัวละครอื่นๆ เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ และเธอเริ่มตั้งคำถามกับตัวตนและสติสัมปชัญญะของตัวเอง แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีโครงสร้างที่ท้าทายและมักจะทำให้งงงวย แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่า David Lynch ผู้บงการเบื้องหลัง "Inland Empire" กำลังสำรวจธีมของอัตลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และการขยายขอบเขตระหว่างความเป็นจริงและนิยาย ผ่านความยากลำบากของลอรี Lynch วิจารณ์ระบบฮอลลีวูด โดยเน้นถึงวิธีที่อุตสาหกรรมสามารถบิดเบือนและบิดเบือนอัตลักษณ์ของผู้แสดงได้ เส้นแบ่งระหว่างตัวตนของนักแสดง ตัวละครของพวกเขา และตัวตนของพวกเขาเองนั้นบางลงจนมองไม่เห็น "INLAND EMPIRE คือความฝัน มันคือฝันร้าย มันคือการเดินทางสู่ใจกลางจิตใต้สำนึกของผู้แสดง และเช่นเดียวกับความฝันที่ดีที่สุด มันทั้งน่ากลัวและน่าตื่นเต้น" นี่คือวิธีที่สามารถอธิบายการเดินทางของลอรีได้ ทำให้ผู้ชมตั้งคำถามกับการรับรู้ถึงความเป็นจริงและบทบาทของผู้แสดงในกระบวนการสร้างสรรค์ ในขณะที่ลอรีเข้าไปพัวพันกับด้านมืดของฮอลลีวูด โลกของเธอก็หลุดพ้นจากการควบคุม ทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่สบายใจอย่างยาวนานและความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อพลังแห่งจินตนาการของมนุษย์
วิจารณ์
คำแนะนำ
