ไนท์วอททชิ่ง
พล็อต
ไนท์วอททชิ่ง (Nightwatching) เป็นภาพยนตร์ดัตช์-ฝรั่งเศส-อังกฤษ ปี 2007 ที่เจาะลึกชีวิตอันผันผวนของแรมบรันด์ต ฟัน รายน์ จิตรกรชาวดัตช์ผู้เลื่องชื่อ กำกับโดย ปีเตอร์ กรีนอะเวย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ผสานรวมองค์ประกอบของดราม่า, ปริศนา และโรแมนติก เพื่อสร้างสรรค์ภาพอันน่าหลงใหลของการต่อสู้ดิ้นรนทั้งในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงานของศิลปิน ภาพยนตร์มุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์อันอลหม่านของแรมบรันด์ต (รับบทโดย มาร์ไทน์ คูวา) กับเกอร์ตเย่ (รับบทโดย อีฟ ฮิวสัน) เมียน้อยของเขา หญิงสาวผู้เปี่ยมพลังและเย้ายวนใจ ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในผลงานหลายชิ้นของจิตรกร เมื่อความสัมพันธ์ของพวกเขาลึกซึ้งยิ่งขึ้น แรมบรันด์ตก็ยิ่งจมดิ่งไปกับงานศิลปะของเขามากขึ้น โดยเทอารมณ์ความรู้สึกอันลึกซึ้งลงบนผืนผ้าใบ เพื่อจับภาพแก่นแท้แห่งคนรักของเขา ในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ยังสำรวจข้อถกเถียงที่ล้อมรอบภาพวาดชิ้นเอกอันเป็นสัญลักษณ์ของแรมบรันด์ต นั่นคือภาพ “ The Night Watch” (ปี 1642) ในภาพยนตร์ การฆาตกรรมอันโหดเหี้ยมเกิดขึ้นภายในภาพวาดเอง โดยมีเหยื่อถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในตัวบุคคลสำคัญที่ได้รับการวาดไว้ในภาพ จุดหักมุมอันน่าตกใจนี้จุดประกายกระแสการคาดเดาและถกเถียงอย่างวุ่นวายในหมู่นักศิลปะชั้นนำของกรุงอัมสเตอร์ดัม โดยบางคนเชื่อว่าแรมบรันด์ตได้ทำนายอนาคตไว้ล่วงหน้า หรือเจตนาบิดเบือนภาพเพื่อสื่อถึงภาพนิมิตมรณะของตน ขณะที่ชื่อเสียงของแรมบรันด์ตเพิ่มขึ้น ความวุ่นวายในใจเขาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย การแต่งงานของเขากับซัสเกีย (รับบทโดย นาตาลี รอเทียร์) เริ่มเสื่อมถอยลง เนื่องด้วยความหลงใหลในตัวเกอร์ตเย่ที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนศิลปินและผู้มีอุปการะก็เริ่มตึงเครียดจากข้อถกเถียงเรื่องภาพ “The Night Watch” ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ แรมบรันด์ตกลับจดจ่อกับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกของเขาให้แล้วเสร็จ นั่นคือภาพ “The Anatomy Lesson of Dr. Nicolaes Tulp” (ปี 1632) ซึ่งเป็นอุปมาถึงการต่อสู้ดิ้นรนภายในจิตใจของเขาเอง ตลอดทั้งเรื่อง กรีนอะเวย์ได้ผสมผสานภาพอันน่าทึ่ง และความใส่ใจในรายละเอียดของยุคสมัยอย่างพิถีพิถัน ดึงผู้ชมให้จมดิ่งในความหลากหลายทางวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของอัมสเตอร์ดัมในศตวรรษที่ 17 การถ่ายภาพยนตร์น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการเน้นสีสันสดใส และพื้นผิวที่ชวนให้นึกถึงผลงานชิ้นเอกในยุคสมัยของแรมบรันด์ต “ไนท์วอททชิ่ง” คือภาพยนตร์ที่น่าตื่นตาทั้งภาพและชวนให้ขบคิด ด้วยการสำรวจแก่นแท้ของศิลปะ, ความรัก และความเป็นความตาย ซึ่งถ่ายทอดผ่านตัวจิตรกรผู้ลึกลับอย่างแรมบรันด์ต ภาพยนตร์ตั้งคำถามถึงพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถก้าวข้ามกาลเวลาและพื้นที่ไปได้ ขณะเดียวกันก็เจาะลึกเข้าสู่ปิศาจภายในใจที่ขับเคลื่อนการแสดงออกทางศิลปะ เมื่อภาพยนตร์ปิดฉากลง โลกของแรมบรันด์ตได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ทว่ามรดกของเขายังคงอยู่ชั่วนิรันดร์ผ่านผลงานอันน่าทึ่งที่เขาสร้างสรรค์ตลอดชีวิต