แพ็ต แกร์rett & บิลลี่ เดอะ คิด

แพ็ต แกร์rett & บิลลี่ เดอะ คิด เป็นภาพยนตร์เวสเทิร์นอเมริกันปี 1973 กำกับโดย แซม เพ็กกินพอห์ ดัดแปลงอย่างหลวม ๆ จากเรื่องราวชีวิตจริงของ วิลเลียม เอช. บอนนีย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ บิลลี่ เดอะ คิด นำแสดงโดย เจมส์ โคเบิร์น ในบท แพ็ต แกร์rett เพื่อนเก่าและอดีตคนนอกกฎหมายที่ผันตัวมาเป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย และ คริส คริสทอฟเฟอร์สัน ในบท บิลลี่ เดอะ คิด ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วย แกร์rett ชายวัยกลาง 30 ปี ที่เพิ่งสูญเสียภรรยาไปในการคลอดบุตร เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่และทิ้งวันเวลาที่อยู่นอกเหนือกฎหมายไว้เบื้องหลัง แกร์rett ได้กลายเป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย มีหน้าที่รักษาความสงบในลินคอล์นเคาน์ตี้ นิวเม็กซิโก อย่างไรก็ตาม อดีตของเขาก็ตามทันเขาในไม่ช้า เมื่อกลุ่มคหบดีเลี้ยงวัวร่ำรวยในนิวเม็กซิโก นำโดย เจมส์ เจ. โดลัน (เจสัน โรบาร์ดส์) กดดันผู้ว่าการ ลู วอลเลซ (ริชาร์ด แจเกิล) ให้ทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ บิลลี่ เดอะ คิด คนนอกกฎหมายชื่อกระฉ่อนที่สร้างความหวาดผวาในพื้นที่และสร้างปัญหาให้กับชนชั้นสูงผู้มั่งคั่ง โดลันและพวกพ้องเชื่อว่า บิลลี่ เดอะ คิด เป็นภัยคุกคามไม่เพียงแต่ต่อผลประโยชน์ของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเสถียรภาพของภูมิภาคด้วย เพื่อกำจัดเขา พวกเขายื่นข้อเสนอให้ แกร์rett ด้วยเงินจำนวนมากและโอกาสที่จะยุติธุรกิจของเพื่อนของเขา แกร์rett ผู้ซึ่งเบื่อหน่ายชีวิตนอกกฎหมายและต้องการตั้งรกรากกับครอบครัว มองว่านี่เป็นโอกาสที่จะไถ่บาปตัวเองและสร้างชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับตัวเอง อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของ แกร์rett ที่มีต่อ บิลลี่ เดอะ คิด นั้นซับซ้อนและปะปนกัน ทั้งสองเคยเป็นหุ้นส่วนในอาชญากรรม และ แกร์rett มีอิทธิพลอย่างมากต่อชีวิตในวัยเด็กของ บิลลี่ เขาสอน บิลลี่ ให้อ่านและเขียน และทั้งสองมีความผูกพันอย่างลึกซึ้ง แม้กระนั้น แกร์rett ก็เริ่มผิดหวังกับการกระทำของ บิลลี่ มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเขาเห็นว่าประมาทและทำลายล้าง ยิ่งกว่านั้น แกร์rett ตระหนักดีว่า บิลลี่ เป็นเหมือนระเบิดเวลาที่รอการระเบิดเมื่อใดก็ได้ และการกระทำของเขาจะนำไปสู่การนองเลือดและความรุนแรง ขณะที่ แกร์rett ออกเดินทางเพื่อตามรอย บิลลี่ เราจะได้รับการชมภาพ回顧 series ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและมักมีปัญหาของทั้งสอง เราเห็นภาพ แกร์rett ในวัยหนุ่ม ช่วย บิลลี่ หนีจากกลุ่มคนนอกกฎหมายและสอนเขาให้อ่านและเขียน เราเห็นชายทั้งสองขี่ม้าด้วยกัน หัวเราะและพูดตลกขณะที่พวกเขาเริ่มต้นการผจญภัยที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นคนนอกกฎหมายชื่อกระฉ่อน อย่างไรก็ตาม เรายังได้เห็นด้านมืดของธรรมชาติของ บิลลี่ แนวความรุนแรงของเขา และแนวโน้มที่จะเข้าไปพัวพันกับปัญหา เราเห็นว่าการกระทำของ บิลลี่ ได้รับแรงผลักดันจากส่วนผสมของความแค้น ความอิจฉา และความปรารถนาที่จะมีชื่อเสียงกว้างขวาง ภาพ回顧เหล่านี้ทำหน้าที่ทำให้ บิลลี่ มีความเป็นมนุษย์มากขึ้นและทำให้เราเข้าใจแรงจูงใจของเขาอย่างลึกซึ้ง ทำให้ง่ายต่อการเข้าใจว่าทำไม แกร์rett ถึงขัดแย้งระหว่างความภักดีต่อเพื่อนและความรับผิดชอบในฐานะเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย ขณะที่ แกร์rett ยังคงค้นหา บิลลี่ ต่อไป เขาพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์เผชิญหน้าที่มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับปีศาจในใจของตัวเองและตั้งคำถามกับศีลธรรมในการกระทำของเขา นอกจากนี้ เขายังถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับความเป็นจริงอันโหดร้ายของโลกรอบตัวเขา โลกที่คนนอกกฎหมายและเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายอยู่ภายใต้กฎที่แตกต่างกัน และความรุนแรงมักเป็นวิธีเดียวในการแก้ไขข้อขัดแย้ง จุดไคลแม็กซ์ของภาพยนตร์คือการเผชิญหน้าที่บีบคั้นหัวใจและโหดร้ายระหว่าง แกร์rett และ บิลลี่ ชายทั้งสองถูกบังคับให้เผชิญหน้ากันในการประลองครั้งสุดท้าย โดยที่ แกร์rett ได้รับชัยชนะในที่สุด อย่างไรก็ตาม ชัยชนะนั้นขมขื่น เพราะ แกร์rett ถูกทิ้งให้ต้องต่อสู้กับผลที่ตามมาจากการกระทำของเขาและความรู้ที่ว่าเขาได้ทรยศต่อเพื่อนของเขา ภาพยนตร์จบลงด้วยภาพ แกร์rett ขี่ม้าหนีออกจากที่เกิดเหตุ ชายผู้ถูกหลอกหลอน เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราเห็น บิลลี่ นอนอยู่บนพื้น ร่างของเขาไร้ชีวิต เหยื่อของหน้าที่ของ แกร์rett และความประมาทของเขาเอง ภาพสุดท้ายคือภาพ แกร์rett มองย้อนกลับมาที่กล้อง มองด้วยความเศร้าและความเสียใจที่สลักอยู่บนใบหน้าของเขา ขณะที่หน้าจอมืดลง โดยรวมแล้ว แพ็ต แกร์rett & บิลลี่ เดอะ คิด เป็นภาพยนตร์ที่ทรงพลังและกระตุ้นความคิดที่สำรวจความซับซ้อนของมิตรภาพ ความภักดี และสภาพความเป็นมนุษย์ เป็นมหากาพย์ที่กวาดล้างข้ามปี ทวีป และวัฒนธรรม นำพาบทที่น่าสนใจและมักถูกมองข้ามในประวัติศาสตร์อเมริกามาสู่ชีวิต ผ่านการแสดงที่ละเอียดอ่อน ภาพยนตร์ที่สวยงามน่าทึ่ง และประเด็นหลักที่กระตุ้นความคิด ภาพยนตร์นำเสนอการทำสมาธิอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับธรรมชาติของเอกลักษณ์ ศีลธรรม และสภาพความเป็นมนุษย์