The Godfather Part II (เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 2)

ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยฉากย้อนความหลังของ ดอน วิโต คอร์เลโอเน (โรเบิร์ต เดอ นีโร) ในวัยหนุ่มที่เติบโตในซิซิลีช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ขณะที่เขาก้าวผ่านช่วงวัยเด็ก วิโตได้รู้จักกับโลกของอาชญากรรม และเริ่มเรียนรู้จากมาเฟียท้องถิ่น จากนั้นเรื่องราวจะกระโดดไปในทศวรรษ 1910 ซึ่งเป็นช่วงที่วิโตหนุ่มอพยพไปยังนิวยอร์กซิตี้พร้อมกับครอบครัว โดยต้องดิ้นรนเพื่อให้มีกินมีใช้ในดินแดนใหม่แห่งนี้ เมื่อวิโตเข้าไปพัวพันกับมาเฟียอเมริกันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาต้องเผชิญกับความท้าทายและความล้มเหลวมากมาย รวมถึงการถูกบังคับให้เข้าสู่โลกแห่งอาชญากรรมหลังจากถูกหักหลังจากแก๊งคู่แข่ง แม้จะมีอุปสรรคเหล่านี้ แต่ความฉลาดและไหวพริบของวิโตก็ช่วยให้เขาก้าวขึ้นสู่อำนาจและกลายเป็นเจ้าพ่อมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในนิวยอร์ก ในขณะเดียวกัน ในยุคปัจจุบัน (ทศวรรษ 1950) ไมเคิล คอร์เลโอเน (อัล ปาชิโน) กำลังดิ้นรนเพื่อรักษาสมดุลระหว่างชีวิตครอบครัวกับหน้าที่ในฐานะดอนคนใหม่ของตระกูลมาเฟียคอร์เลโอเน ขณะที่เขาพยายามขยายธุรกิจของครอบครัวไปยังลาสเวกัส ไมเคิลต้องเผชิญกับการต่อต้านจากกลุ่มต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร โครงเรื่องหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความพยายามของไมเคิลในการทำให้ผลประโยชน์จากคาสิโนของครอบครัวในเนวาดาถูกกฎหมาย ขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับการแย่งชิงอำนาจภายในองค์กร และภัยคุกคามจากตระกูลมาเฟียคู่แข่ง ตลอดทั้งเรื่อง ตัวละครของไมเคิลได้รับการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเขาต้องต่อสู้กับผลกระทบทางศีลธรรมของการกระทำของเขา และผลที่ตามมาของมรดกของพ่อ ตลอดเรื่อง The Godfather Part II ผู้กำกับ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ถักทอเรื่องราวที่แตกต่างกันอย่างเชี่ยวชาญ โดยเรื่องหนึ่งเน้นที่ชีวิตในวัยเด็กของ วิโต คอร์เลโอเน และอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับความยากลำบากของไมเคิลในยุคปัจจุบัน ตัวละครที่ซับซ้อน หักมุมของโครงเรื่องที่ซับซ้อน และธีมของความภักดีในครอบครัว อำนาจ และการไถ่บาป ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานชิ้นเอกทางภาพยนตร์ที่ยังคงดึงดูดผู้ชมมาจนถึงทุกวันนี้