กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายคนหนึ่ง

พล็อต
ภาพยนตร์เรื่อง "Había Una Vez un Hombre" (ชื่อภาษาอังกฤษ: "There Once Was a Man") หรือชื่อไทย “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายคนหนึ่ง” บอกเล่าเรื่องราวที่จับใจและใกล้ชิดของฌอน ชายวัยกลางคน ซึ่งชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคพาร์กินสัน สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงความรำคาญเล็กน้อยในตอนแรก - อาการสั่นเล็กน้อยที่มือ - ในที่สุดก็บานปลายเป็นความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งและเป็นอุปสรรคในการควบคุมตนเอง เมื่อเรื่องราวดำเนินไป ผู้ชมจะถูกพาไปในการเดินทางที่กินใจไปพร้อมกับฌอน สำรวจความวุ่นวายทางอารมณ์และความยากลำบากทางร่างกายที่มาพร้อมกับภาวะที่ไร้ความปราณีนี้ เราได้รู้จักฌอนเป็นครั้งแรก ในฐานะบุคคลธรรมดาคนหนึ่งที่ดำเนินชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม สัญญาณเล็กๆ น้อยๆ ของความกระวนกระวายใจเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อเขาเริ่มมีอาการสั่นที่มืออย่างอธิบายไม่ได้ ในตอนแรก เขาปัดอาการนี้ว่าเป็นเพียงความรำคาญเล็กน้อย แต่เมื่อความถี่และความรุนแรงของมันเพิ่มขึ้น ฌอนก็เริ่มหมดหวังที่จะหาคำตอบมากขึ้นเรื่อยๆ กล้องติดตามฌอนอย่างใกล้ชิดขณะที่เขาไปพบผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ต่างๆ เพื่อหาการวินิจฉัยที่สามารถอธิบายอาการสั่นลึกลับได้ การวินิจฉัย คือการวินิจฉัยที่ไม่มีใครอยากได้รับ: ฌอนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคพาร์กินสัน การเปิดเผยนี้เป็นเหมือนเสียงปลุกที่เจ็บปวด บังคับให้เขาเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายของผลกระทบของภาวะนี้ที่มีต่อชีวิตของเขา อาการระยะแรกของโรคแสดงออกในรูปแบบที่ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตราย - นิ้วมืออยู่ไม่นิ่ง การเคลื่อนไหวที่รีบร้อน และความรู้สึกกระวนกระวายใจที่คืบคลานเข้ามา อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวดำเนินไป การต่อสู้ของฌอนก็ทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีอาการสั่นกลายเป็นพลังที่ครอบงำชีวิตของเขาทั้งหมด การนำเสนอการเดินทางทางอารมณ์ของฌอนเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่าย และนี่คือจุดที่ "Había Una Vez un Hombre" ฉายแสงอย่างแท้จริง ผู้กำกับ [ชื่อผู้กำกับ] สานต่อความรู้สึกที่ซับซ้อนได้อย่างเชี่ยวชาญ จับภาพความสิ้นหวังที่ดิบและปราศจากสิ่งเจือปนที่ฌอนประสบเมื่อโลกของเขาเริ่มพังทลาย เมื่อโรคกำเริบ ฌอนพบว่าตัวเองตัดขาดจากคนที่เขารักและความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชมเป็นพยานถึงความวุ่นวายภายในของเขา ในขณะที่เขาต่อสู้กับความรู้สึกสิ้นหวัง ความอับอาย และความหงุดหงิด ตลอดทั้งเรื่อง ความสัมพันธ์ของฌอนถูกมองว่าตึงเครียดอย่างรุนแรงเนื่องจากการต่อสู้กับโรคพาร์กินสันของเขา ครอบครัวของเขาดูเหมือนจะอยู่ในสภาพของการปฏิเสธ และเพื่อนฝูงก็เริ่มตีตัวออกห่างมากขึ้นเรื่อยๆ การโดดเดี่ยวนี้เป็นเครื่องเตือนใจที่เจ็บปวดถึงผลกระทบที่รุนแรงของโรคเงียบนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อคนที่พวกเขารักอีกด้วย หนึ่งในแง่มุมที่โดดเด่นที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการนำเสนอช่วงเวลาแห่งความปิติและความทุกข์ที่ฌอนประสบ ในฉากที่กินใจฉากหนึ่ง เราเห็นเขาพยายามดิ้นรนเพื่อยึดวัตถุในชีวิตประจำวันที่เรียบง่ายไว้ มือของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ขณะที่เขาพยายามจะจับมัน ช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูเหมือนไม่มีนัยสำคัญนี้ เป็นอุปมาที่มีพลังสำหรับการพ่ายแพ้เล็กๆ น้อยๆ ที่ฌอนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ขณะที่เขาต่อสู้กับการทรยศที่ร้ายกาจของร่างกาย เขาตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง ความโกรธ และความสิ้นหวัง ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังให้ความกระจ่างถึงความยืดหยุ่นและความแข็งแกร่งที่อยู่ในใจของผู้ที่อาศัยอยู่กับโรคพาร์กินสัน แม้ว่าฌอนจะบอบช้ำจากอาการป่วย แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะยอมแพ้ เขาเริ่มต้นการเดินทางแห่งการค้นพบและการยอมรับตนเองอย่างแน่วแน่ ขณะที่เขาเริ่มสำรวจภูมิทัศน์ทางอารมณ์ที่ซับซ้อนของความเป็นจริงใหม่ของเขา การสร้างภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมของผู้กำกับ [ชื่อผู้กำกับ] ทำให้การนำเสนอนี้เป็นมนุษย์อย่างเชี่ยวชาญ เติมเต็มเรื่องราวด้วยความอบอุ่น ความเห็นอกเห็นใจ และความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่อาศัยอยู่กับโรคนี้ ใน "Había Una Vez un Hombre" [ชื่อผู้กำกับ] นำเสนอภาพที่ใกล้ชิดและไม่ประนีประนอมของการต่อสู้และชัยชนะของครอบครัวในการเผชิญกับความทุกข์ยาก ขณะที่ฌอนต่อสู้กับพลังที่แข็งแกร่งของโรคพาร์กินสัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ให้ความกระจ่างอย่างเชี่ยวชาญถึงความยืดหยุ่นของจิตวิญญาณมนุษย์ การต่อสู้ของเขาคือการต่อสู้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเงียบๆ ขณะที่เขาพยายามกอบกู้ชีวิตของเขาและสร้างความรู้สึกใหม่ของอัตลักษณ์ แม้จะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่บั่นทอนกำลังกาย ในบทสรุปที่กินใจและทรงพลังอย่างเงียบๆ เราเห็นฌอนโอบรับความรู้สึกใหม่ของเป้าหมาย โดยในที่สุดก็ทำใจยอมรับความจริงของเขา การเดินทางทางอารมณ์ของเขามีช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง แต่ในช่วงเวลาแห่งการยอมรับและความยืดหยุ่นอย่างเงียบๆ นี้เองที่ความกล้าหาญที่แท้จริงของ "Había Una Vez un Hombre" อยู่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงจิตวิญญาณของมนุษย์ที่ยั่งยืน เป็นเครื่องเตือนใจว่าแม้ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด พลังในการเลือก การปรับตัว และการยืนหยัดก็อยู่ภายในมือเราเสมอ
วิจารณ์
คำแนะนำ
