วินเซนต์

วินเซนต์

พล็อต

ในภาพยนตร์ตลกสุดแปลกแหวกแนว 'วินเซนต์' เราจะได้พบกับ วินเซนต์ มัลลอย เด็กชายวัยหกขวบผู้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความหลงใหลที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือ เขาชื่นชม วินเซนต์ ไพรซ์ ตำนานแห่งภาพยนตร์สยองขวัญ ห้องของวินเซนต์น้อยเต็มไปด้วยโปสเตอร์ของ วินเซนต์ ไพรซ์ และจินตนาการของเขาก็พร่ามัวไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวอยู่เสมอ โดยเขาจินตนาการว่าตัวเองเป็นนักแสดงในตำนาน นำความหวาดกลัวมาสู่เหยื่อในจินตนาการของเขา เมื่อภาพยนตร์เจาะลึกเข้าไปในโลกของวินเซนต์ ก็เป็นที่ชัดเจนว่าแม่ของเขา นางมัลลอย รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับความหลงใหลในด้านมืดของชีวิตของลูกชาย เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมใครง่ายๆ และติดดิน ซึ่งต้องการเห็นลูกชายเติบโตเป็นคน 'ปกติ' อย่างไรก็ตาม ความรักที่วินเซนต์มีต่อ วินเซนต์ ไพรซ์ นั้นเป็นมากกว่าแค่ความหลงใหลชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นความหมกมุ่นที่ฝังรากลึกซึ่งยึดครองจินตนาการของเขาไว้ ภาพยนตร์เรื่องนี้จับภาพเส้นแบ่งที่พร่ามัวระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการได้อย่างชาญฉลาด เมื่อจินตนาการของวินเซนต์เริ่มสดใสและล่วงล้ำมากขึ้น ความหงุดหงิดของแม่ก็เพิ่มขึ้นเมื่อความหลงใหลใน วินเซนต์ ไพรซ์ ของวินเซนต์เริ่มรบกวนกิจวัตรประจำวันของพวกเขา ไม่ว่าเขาจะแสดงฉากจากภาพยนตร์สยองขวัญในสวนหลังบ้าน หรือชักชวนน้องสาวให้เข้าร่วมเกมสยองขวัญ ความปรารถนาของวินเซนต์ที่จะใช้ชีวิตตามจินตนาการของเขานั้นไม่ลดละ เมื่อวินเซนต์ยังคงดื่มด่ำกับจินตนาการของเขาต่อไป เส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการก็เริ่มบิดเบือนมากขึ้น ความกังวลของแม่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีของลูกชายเพิ่มขึ้น และเธอเริ่มกังวลว่าความหลงใหลใน วินเซนต์ ไพรซ์ อาจเป็นอาการของปัญหาสุขภาพจิตที่ลึกกว่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกลิ่นอายที่น่าขนลุก แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงรักษาน้ำเสียงที่เบาและสนุกสนาน ไม่ได้จริงจังกับตัวเองมากเกินไป หนึ่งในแง่มุมที่โดดเด่นที่สุดของ 'วินเซนต์' คือการใช้คำอุปมาเพื่อสำรวจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างจินตนาการและความเป็นจริง เมื่อวินเซนต์ถูกจินตนาการครอบงำมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เริ่มสูญเสียการติดต่อกับโลกรอบตัว ความพยายามของแม่ที่จะดึงเขากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงล้มเหลว และเขาพบว่าตัวเองติดอยู่ในโลกที่เขาสร้างขึ้นเอง ซึ่งเป็นโลกที่ทั้งมืดมนและน่าดึงดูดใจ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ทิม เบอร์ตัน มีสายตาที่เฉียบคมในรายละเอียดและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับจิตใจมนุษย์ ผ่าน 'วินเซนต์' เขาจับภาพความสมดุลที่เปราะบางระหว่างความไร้เดียงสาในวัยเด็กและด้านมืดของธรรมชาติมนุษย์ การใช้สัญลักษณ์และอุปมาของภาพยนตร์นั้นฉลาดและเป็นธรรมชาติ โดยไม่กระแทกผู้ชมด้วยการอ้างอิงที่ชัดเจน ตลอดทั้งเรื่อง วินเซนต์ ไพรซ์ ปรากฏตัวหลายครั้ง โดยมักจะทำหน้าที่เป็นเสียงให้กำลังใจและให้ความมั่นใจแก่วินเซนต์น้อย ฉากเหล่านี้สลับกับการใฝ่ฝันของวินเซนต์ สร้างความรู้สึกต่อเนื่องระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกแห่งจินตนาการ อย่างไรก็ตาม เป็นที่ชัดเจนว่าความหมกมุ่นของวินเซนต์ที่มีต่อ วินเซนต์ ไพรซ์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การชื่นชมดาราภาพยนตร์เท่านั้น แต่เป็นการเข้าถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นของอัตลักษณ์และจุดมุ่งหมาย เมื่อภาพยนตร์มาถึงจุดไคลแม็กซ์ แม่ของวินเซนต์เผชิญหน้ากับความเป็นไปได้ที่ว่าความหลงใหลใน วินเซนต์ ไพรซ์ ของลูกชายอาจเป็นการร้องขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง เธอเริ่มเห็นว่าจินตนาการของวินเซนต์ไม่ได้เป็นเพียงอาการของปัญหาสุขภาพจิตเท่านั้น แต่เป็นการแสดงออกถึงศักยภาพเชิงสร้างสรรค์ของเขาเอง ในช่วงเวลาแห่งความเข้าใจที่น่าประทับใจ เธอเริ่มมองลูกชายของเธอในฐานะศิลปิน โดยใช้จินตนาการของเขาเพื่อนำทางโลกที่ซับซ้อนรอบตัวเขา ท้ายที่สุด 'วินเซนต์' เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับพลังแห่งจินตนาการและเส้นแบ่งที่พร่ามัวระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการ เป็นการสำรวจจิตใจมนุษย์ที่แสนเจ็บปวด จับภาพผ่านสายตาของเด็กชายที่อายุน้อยและมีเอกลักษณ์ ผ่านการใช้อุปมาและสัญลักษณ์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เชิญชวนให้ผู้ชมไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ของตนเองกับโลกรอบตัว และมุมมืดในจินตนาการของตนเอง

วินเซนต์ screenshot 1
วินเซนต์ screenshot 2
วินเซนต์ screenshot 3

วิจารณ์