เรื่องราวของดิวอี้ ค็อกซ์ ยอดคนเพลงร็อค
พล็อต
ในภาพยนตร์ตลกเสียดสีเรื่อง "เรื่องราวของดิวอี้ ค็อกซ์ ยอดคนเพลงร็อค" ดิวอี้ ค็อกซ์ (จอห์น ซี. ไรลีย์) เริ่มต้นการเดินทางเพื่อเป็นตำนานเพลงร็อค โดยเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคมากมาย ระหว่างทาง หลังจากที่พ่อของเขาถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม ดิวอี้ก็กลายเป็นเด็กกำพร้าและมีความสูญเสียอย่างสุดซึ้ง เขาพบความปลอบใจในดนตรี ซึ่งกลายเป็นทางหลีกหนีจากความยากลำบากในชีวิต เมื่อดิวอี้โตขึ้น เขาหมกมุ่นอยู่กับการเป็นนักดนตรี โดยได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินผู้ยิ่งใหญ่อย่างเอลวิส เพรสลีย์ (เคร็ก โรบินสัน) และบัดดี้ ฮอลลี่ (ทิม มีโดวส์) เขาเผชิญกับการปฏิเสธและการเยาะเย้ยในทุกย่างก้าว แต่ปฏิเสธที่จะยอมแพ้ จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของดิวอี้มาถึงเมื่อเขาเขียนเพลงฮิตชื่อ "Walk Hard" ซึ่งส่งให้เขามีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จทำให้ดิวอี้หลงตัวเองและหยิ่งยโสมากขึ้นเรื่อยๆ ดนตรีของเขาพัฒนาจากคันทรีร็อคไปเป็นดิสโก้ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่หายนะ ชีวิตส่วนตัวของดิวอี้ก็ยุ่งเหยิงเช่นกัน เมื่อเขาต้องดิ้นรนกับการเสพติดยา รวมถึงโคเคน เฮโรอีน และเมทแอมเฟตามีน ตลอดการเดินทางของเขา ดิวอี้ได้พบกับตัวละครที่มีสีสันมากมาย รวมถึงแม่ของเขา (แวนดา ไซค์ส) ผู้ดำเนินกิจการซ่อง ภรรยาของเขา (เลสลี แมนน์) ผู้ซึ่งทิ้งเขาไปหาชายอื่น และลูกๆ ของเขาที่อับอายกับการกระทำของพ่อ แม้จะมีความวุ่นวายในชีวิต ดิวอี้ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะซื่อสัตย์ต่อตัวเองและดนตรีของเขา เมื่อ "Walk Hard" ใกล้ถึงจุดไคลแม็กซ์ ดิวอี้เผชิญกับวิกฤตทางอัตลักษณ์และจุดมุ่งหมาย เขาต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบจากการกระทำของเขา และตัดสินใจว่าจะเดินลงสู่เส้นทางแห่งการทำลายตัวเองต่อไป หรือแสวงหาการไถ่บาป เขาจะพบวิธีประนีประนอมอดีตกับปัจจุบันของเขา หรืออัตตาของเขาจะกลายเป็นจุดจบของเขาในที่สุด? "เรื่องราวของดิวอี้ ค็อกซ์ ยอดคนเพลงร็อค" เป็นภาพยนตร์ตลกขบขันที่ส่งต่อเรื่องราวชีวประวัติของนักดนตรี โดยล้อเลียนชีวิตและอาชีพของนักดนตรีชื่อดัง เช่น จอห์นนี แคช เรย์ ชาร์ลส์ และแม้แต่ เอลวิส เพรสลีย์ ด้วยอารมณ์ขันที่ไม่เคารพ ตัวละครที่แปลกประหลาด และเพลงที่ติดหู ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเดินทางที่สนุกสุดเหวี่ยงที่จะทำให้คุณหัวเราะตั้งแต่ต้นจนจบ
วิจารณ์
Mckenzie
The Dewey Cox story is a wild ride of perseverance and self-destruction, blending music, chaos, and a relentless pursuit of perfection. It's like a twisted anthem for anyone who's ever felt the need to chase greatness no matter the cost.