ยุคแห่งความโกรธเกรี้ยว: เส้นทางสู่ Altamont ของ The Rolling Stones

ยุคแห่งความโกรธเกรี้ยว: เส้นทางสู่ Altamont ของ The Rolling Stones

พล็อต

ช่วงปลายทศวรรษ 1960 เป็นช่วงเวลาที่อากาศเต็มไปด้วยความคาดหวังถึงการเปลี่ยนแปลงและการปฏิวัติ ยุคนี้ถือกำเนิดจากความปรารถนาในสันติภาพ ความรัก และความเท่าเทียมทางสังคม กำลังคลี่คลายอย่างรวดเร็วท่ามกลางความวุ่นวายและการนองเลือด โลกกำลังเป็นพยานถึงเหตุการณ์หายนะหลายครั้งที่จะเปลี่ยนแปลงเส้นทางประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล ท่ามกลางฉากหลังที่ปั่นป่วนนี้เองที่ The Rolling Stones ปรากฏตัวขึ้นในฐานะกระบอกเสียงที่เป็นสัญลักษณ์ของคนรุ่นหนึ่ง ขับขานเพลงบลูส์และเพลงชาติที่กำหนดนิยามยุคใหม่ ปี 1969 The Rolling Stones อยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ พวกเขาได้ปล่อยอัลบั้ม 'Beggars Banquet' ที่แหวกแนวเมื่อปีก่อน ซึ่งเป็นการผลักดันขอบเขตของเพลงร็อคและเสริมสถานะของพวกเขาในฐานะหนึ่งในวงดนตรีที่มีอิทธิพลมากที่สุดตลอดกาล ธีมของอัลบั้มเกี่ยวกับการกบฏ การวิพากษ์วิจารณ์สังคม และอารมณ์ขันมืดหม่น สอดคล้องกับคนหนุ่มสาวในยุคนั้นอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเริ่มผิดหวังกับการจัดตั้งมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ The Stones เริ่มต้นทัวร์สหรัฐอเมริกาในปี 1969 ความตึงเครียดและพลังงานรอบวงก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก คอนเสิร์ตของพวกเขากลายเป็นภาพสะท้อนของความไม่สงบที่เพิ่มขึ้นในประเทศ โดยแฟนๆ สะท้อนความหงุดหงิดและความวิตกกังวลที่กำลังครอบงำประเทศ การลอบสังหารมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ในเดือนเมษายน 1968 การประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม และการจลาจลที่ตามมา ได้สร้างความรู้สึกผิดหวังที่สัมผัสได้ทั่วประเทศ ทัวร์ของ The Stones มีกำหนดจะสิ้นสุดในคอนเสิร์ตสามวันที่ Altamont Speedway ในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่น่าอับอายที่สุดในประวัติศาสตร์ Altamont Free Concert ตามชื่ออย่างเป็นทางการ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นการชุมนุมแบบยูโทเปีย การเฉลิมฉลองสันติภาพ ความรัก และร็อคแอนด์โรล แต่ภายใต้ผิวน้ำ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเทศกาลนี้จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นนิทานเตือนใจถึงพลังมืดที่กำลังทำงานอยู่ในโลก ขณะที่ The Stones เตรียมขึ้นเวทีที่ Altamont ความตึงเครียดระหว่างวงดนตรีและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทวีความรุนแรงขึ้นมาหลายสัปดาห์แล้ว บริเวณอ่าวซานฟรานซิสโกเป็นแหล่งบ่มเพาะกิจกรรมต่อต้านวัฒนธรรม และชมรมรถจักรยานยนต์ Hells Angels ซึ่งควรจะรักษาความปลอดภัยในเทศกาลนี้ มีชื่อเสียงในด้านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมแก๊งรุนแรง ในวันจัดเทศกาล แฟนๆ หลายพันคนมารวมตัวกันที่ Altamont Speedway ซึ่งเป็นพื้นที่รกร้างที่เคยเป็นสนามแข่งม้ามาก่อน The Hells Angels สวมเสื้อหนังสีดำอันเป็นเอกลักษณ์และทำหน้าตาขมวดคิ้วที่น่ากลัว ปะปนอยู่ในฝูงชน ซึ่งเป็นการเตือนใจอย่างชัดเจนถึงความไร้กฎหมายที่ดูเหมือนจะแพร่กระจายไปทั่วประเทศ เมื่อวันผ่านไป ความรู้สึกไม่สบายใจก็เพิ่มขึ้น การปะทะกันหลายครั้งเกิดขึ้นระหว่างสมาชิกของ Hells Angels และแก๊งคู่แข่ง และกลิ่นของความกลัวและความไม่แน่นอนก็อบอวลอยู่ในอากาศ แม้ว่าบรรยากาศจะน่าสยดสยอง แต่ดนตรีก็ยังคงเล่นต่อไป โดยมีการแสดงอย่าง Santana และ Grateful Dead ดึงดูดฝูงชนจำนวนมากและมอบการแสดงที่ดุเดือด แต่เมื่อคืนผ่านไป สถานการณ์ที่ Altamont ก็เริ่มควบคุมไม่ได้ ชายผิวดำหนุ่มชื่อ Meredith Hunter ซึ่งพยายามจะไปหลังเวทีเพื่อพบกับ The Stones ถูกแทงเสียชีวิตโดย Hells Angel ขณะพยายามปกป้องน้องสาวของเขา เหตุการณ์ดังกล่าวจุดประกายปฏิกิริยาลูกโซ่ของความรุนแรงและความวุ่นวายที่จะถูกจารึกไว้ในความทรงจำของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตลอดไป The Stones ไม่รับรู้ถึงการสังหารหมู่ที่กำลังเกิดขึ้น ขึ้นเวทีและมอบการแสดงที่ดุเดือดซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในการแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ร็อค ขณะที่พวกเขาเริ่มเซ็ตเพลง ฝูงชนก็ระเบิดเป็นเสียงและความรู้สึกบ้าคลั่ง แต่ภายใต้ผิวน้ำ ความมืดมิดของ Altamont ก็เริ่มเผยให้เห็นตัวเอง ภาพเด็กสาวร้องไห้ขณะดู Hells Angels รุมทำร้ายชายคนหนึ่งบนเวทีได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ยั่งยืนของโศกนาฏกรรมของเทศกาล เป็นช่วงเวลาที่จับภาพความรู้สึกผิดหวังและสิ้นหวังที่ครอบงำคนรุ่นหนึ่ง Altamont Free Concert มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นการเฉลิมฉลองสันติภาพและความรัก แต่ในท้ายที่สุด มันก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของความวุ่นวายและการนองเลือดที่กำหนดนิยามช่วงปลายทศวรรษ 1960 เมื่อเทศกาลสิ้นสุดลงในที่สุด The Rolling Stones ก็ต้องดิ้นรนกับการตอบสนองต่อโศกนาฏกรรม การเสียชีวิตของ Meredith Hunter เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนถึงราคาของความวุ่นวายที่ถูกปลดปล่อยสู่โลก The Band กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดโดยไม่ได้ตั้งใจในความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่ Altamont โดยมีเพลงของพวกเขาเป็นเพลงประกอบความวุ่นวายที่กลืนกินประเทศ ในช่วงหลายปีต่อมา The Rolling Stones จะยังคงออกทัวร์และบันทึกเพลงต่อไป แต่พวกเขาจะไม่สามารถสลัดความหนักหน่วงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ Altamont ออกไปได้อย่างเต็มที่ โศกนาฏกรรมของเทศกาลจะถูกจารึกไว้ในความทรงจำของวงดนตรีและแฟนๆ ของพวกเขาตลอดไป ซึ่งเป็นการเตือนใจที่น่าสะพรึงกลัวถึงพลังมืดที่ขับเคลื่อนเส้นทางประวัติศาสตร์ แม้จะมีความมืดมนที่จะตามมา แต่ The Rolling Stones ก็จะหาวิธีที่จะก้าวข้ามโศกนาฏกรรมของ Altamont โดยใช้เพลงของพวกเขาเพื่อพูดคุยกับคนรุ่นใหม่ของนักเคลื่อนไหวและศิลปินที่กำลังมองหาทางออกจากความวุ่นวาย พวกเขาจะปล่อยผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบางส่วนของพวกเขาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นเพลงที่จับภาพความรู้สึกของประเทศในภาวะวิกฤต แต่ในคืนชะตากรรมในเดือนธันวาคม 1969 โลกเป็นพยานถึงช่วงเวลาแห่งความหายนะอย่างแท้จริง ความรู้สึกถึงการทำลายล้างที่จะหลอกหลอนความทรงจำร่วมกันของคนรุ่นหนึ่ง Altamont Free Concert มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นการเฉลิมฉลองสันติภาพ ความรัก และร็อคแอนด์โรล แต่ในท้ายที่สุด มันก็กลายเป็นเครื่องเตือนใจอันมืดมิดถึงความวุ่นวายและการนองเลือดที่กำหนดนิยามช่วงปลายทศวรรษ 1960

ยุคแห่งความโกรธเกรี้ยว: เส้นทางสู่ Altamont ของ The Rolling Stones screenshot 1
ยุคแห่งความโกรธเกรี้ยว: เส้นทางสู่ Altamont ของ The Rolling Stones screenshot 2
ยุคแห่งความโกรธเกรี้ยว: เส้นทางสู่ Altamont ของ The Rolling Stones screenshot 3

วิจารณ์