Girls Never Die (สาว ๆ ไม่เคยตาย)

พล็อต
Girls Never Die กำกับโดย แอนนา โอเดลล์ เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญจิตวิทยาจากสวีเดนในปี 2018 ที่สร้างจากเรื่องจริง ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของ แอนนา โอเดลล์ ศิลปินชาวสวีเดนที่ในวัยเยาว์รายงานว่าถูกทารุณกรรมและล่วงละเมิดทางเพศโดยแฟนของแม่เธอ จากประสบการณ์อันเลวร้ายนี้ ก่อให้เกิดตัวละคร แอนนา ซึ่งรับบทโดยโอเดลล์ บุคคลที่ไม่เก่งทางสังคมแต่มีความมุ่งมั่นในวัยรุ่นตอนปลาย เอริค แฟนที่อยู่กินกับแม่ของเธอ รับบทโดย อินเกมาร์ คาร์ลสัน ผู้มีรูปร่างหน้าตาคล้าย บียอร์น อันเดรเซน ใช้อำนาจควบคุมบ้านของพวกเขาอย่างมาก และบิดเบือนการรับรู้ความเป็นจริงของแอนนา เมื่อเรื่องราวดำเนินไป แอนนาพบว่ามันยากขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะแยกแยะระหว่างประสบการณ์จริงของเธอกับการรับรู้ที่บิดเบือนของเธอ เธอหมกมุ่นอยู่กับความเป็นไปได้ที่พ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เธอตกอยู่ในอาการหวาดระแวงและหวนกลับไปพิจารณาถึงบาดแผลในวัยเด็กของเธออีกครั้ง เนื้อเรื่องของ Girls Never Die เจาะลึกถึงธีมของการทารุณกรรม การบงการ และบาดแผลทางใจ โดยใช้กรอบกึ่งอัตชีวประวัติ โอเดลล์ใช้ความสามารถในการผสมผสานเหตุการณ์จริงและอิสระทางศิลปะเพื่อแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ยั่งยืนที่ประสบการณ์เหล่านี้มีต่อชีวิตและจิตใจของเธอ ตลอดทั้งเรื่อง จะปรากฏพลังที่อยู่เหนือทุกสิ่งซึ่งควบคุมเหตุการณ์ในความเป็นจริงของแอนนา การรับรู้ถึงพลังนี้ของเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดการเดินทางของเธอ ในบางครั้ง เธอมองว่ามันเป็นเทวดาผู้พิทักษ์ คอยเฝ้าดูเธอ ในขณะที่บางครั้ง มันเป็นตัวแทนของปีศาจร้ายที่คุกคามความเป็นอยู่ของเธอ แอนนาเริ่มถูกครอบงำมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการรับรู้ที่กระจัดกระจายของประสบการณ์ในอดีตของเธอ บังคับให้เธอต้องท้าทายความคิดเรื่องความจริงในความทรงจำของเธอ การต่อสู้ภายในเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว ซึ่งยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ความสัมพันธ์ของเธอกับคนใกล้ชิดเริ่มแย่ลง รวมทั้งสายสัมพันธ์กับเพื่อนสนิท ซึ่งยิ่งทำให้เธอโดดเดี่ยวมากขึ้น จุดสำคัญของเนื้อเรื่องอยู่ที่แนวคิดของ '24 ความฝัน' สำหรับแอนนา ความฝันเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นข้อความจากสิ่งมีชีวิตภายนอกที่ชี้นำเธอในการเดินทางสู่การค้นพบตนเองและเผชิญหน้ากับอดีตที่เจ็บปวดของเธอ พวกมันมาในรูปแบบของลำดับภาพที่สดใสและเป็นลางบอกเหตุซึ่งมีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์ บอกเป็นนัยถึงความจริงที่มืดมนที่เธอกำลังพยายามหลีกหนี ภาพยนตร์สำรวจอารมณ์ที่หลากหลายซึ่งสะท้อนถึงสภาพจิตใจที่ผันผวนของแอนนา รูปแบบภาพยนตร์ประกอบด้วยองค์ประกอบของเซอร์เรียลลิสม์ โดยที่ขอบเขตระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการเริ่มเบลอมากขึ้นเมื่อเรื่องราวดำเนินไป เมื่อจุดไคลแม็กซ์ของ Girls Never Die มาถึงบทสรุป ภาพยนตร์เรื่องนี้จบลงด้วยช่วงเวลาสำคัญที่แอนนาเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจจากวัยเด็กของเธอ วิธีที่โอเดลล์เลือกที่จะนำเสนอจุดเปลี่ยนสำคัญนี้มีความคลุมเครืออย่างจงใจ โดยเปิดโอกาสให้ตีความได้ว่าอะไรคือความจริงและอะไรคือการรับรู้ของแอนนา ท้ายที่สุด Girls Never Die กลายเป็นเรื่องของการสำรวจสภาวะทางจิตใจ ความแตกสลายของความทรงจำ และประสบการณ์ส่วนตัวหล่อหลอมการรับรู้ถึงความจริงของคนเราอย่างไร โอเดลล์ถักทอเรื่องราวได้อย่างเชี่ยวชาญซึ่งสลับไปมาระหว่างข้อเท็จจริงและเรื่องแต่ง โดยเจาะลึกถึงความซับซ้อนของบาดแผลทางใจและความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ เมื่อเรื่องราวจบลง แอนนาดูเหมือนจะอยู่ในเส้นทางสู่การฟื้นตัว โดยเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจในอดีตของเธอได้ในที่สุด ความเข้าใจที่ค้นพบใหม่นี้ทำหน้าที่เป็นรากฐานให้แอนนาสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นใหม่ และหาทางก้าวไปข้างหน้าในชีวิตของเธอ ตลอดระยะเวลาของภาพยนตร์ แนวคิดที่ว่า 'รวมกันเป็น 24 ความฝัน' กลายเป็นศูนย์กลาง โดยแสดงถึงเส้นแบ่งที่พร่ามัวระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการ และทำหน้าที่เป็นธีมที่ครอบคลุมซึ่งตอกย้ำถึงการสำรวจบาดแผล การรับรู้ และสภาพของมนุษย์ของภาพยนตร์
วิจารณ์
คำแนะนำ
