ไฟรักในโรม

ไฟรักในโรม

พล็อต

ภาพยนตร์เรื่อง 'ไฟรักในโรม' กำกับโดย วิ Vittorio De Sica ที่ออกฉายในปี 1953 เป็นการสำรวจความรัก ความภักดี และความซับซ้อนของความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่แสนกินใจ ภายนอกดูเหมือนเป็นเรื่องราวตรงไปตรงมาของวิกฤตวัยกลางคน ที่ซึ่งหญิงที่แต่งงานแล้วพบว่าตัวเองอยู่ระหว่างหน้าที่ต่อครอบครัวและความหลงใหลในชายชาวอิตาลีที่อายุน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวคลี่คลาย มันเผยให้เห็นตัวเองว่าเป็นการตรวจสอบสภาพของมนุษย์ที่มีแง่มุมและกระตุ้นความคิด ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยบรรยากาศโรแมนติก แนะนำให้เรารู้จักกับ แมรี่ ฟอร์บส์ หญิงชาวอเมริกันที่มาพักผ่อนในกรุงโรมกับ โรเบิร์ต สามี และ เอมิลี่ ลูกสาว อย่างไรก็ตาม เมื่อวันเวลาผ่านไป แมรี่พบว่าตัวเองเริ่มเบื่อหน่ายกับชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตแต่งงานของเธอที่ครั้งหนึ่งเต็มไปด้วยความรักและความมุ่งมั่น กลับกลายเป็นความซ้ำซากและไร้ความรัก ทำให้เธอรู้สึกไม่สมหวังและกระสับกระส่าย ในช่วงเวลาแห่งความไม่พอใจทางอารมณ์นี้เองที่แมรี่ได้พบกับ จิโอวานนี่ โดเรีย ชายหนุ่มชาวอิตาลีผู้มีเสน่ห์ ซึ่งตกหลุมรักเธอทันที การพบกันครั้งแรกของพวกเขานั้นสั้นและบริสุทธิ์ แต่เมื่อพวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น แมรี่ก็พบว่าตัวเองดึงดูดเข้าหาธรรมชาติที่กระตือรือร้นและเร่าร้อนของจิโอวานนี่ พวกเขาเริ่มต้นความสัมพันธ์ลับๆ ซึ่งเร่าร้อนแต่ก็ประมาท เพราะพวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันไม่ยั่งยืน ขณะที่แมรี่เตรียมที่จะออกจากอิตาลีและกลับไปอยู่กับครอบครัวที่ฟิลาเดลเฟีย ความรักของจิโอวานนี่ที่มีต่อเธอก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเขาได้สารภาพความปรารถนาที่จะออกจากอิตาลีไปกับเธอ เขาต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน ชีวิตที่ปราศจากข้อจำกัดของความคาดหวังทางสังคมและความต้องการของครอบครัว แมรี่สับสน อยู่ระหว่างความรักที่มีต่อจิโอวานนี่และหน้าที่ต่อสามีและลูกสาว ความขัดแย้งหลักของภาพยนตร์เกิดขึ้นจากความไม่สามารถของแมรี่ในการประนีประนอมความรักที่เธอมีต่อจิโอวานนี่กับบทบาทของการเป็นภรรยาและแม่ เธอเป็นคู่ครองที่ทุ่มเทและน่ารักของโรเบิร์ตมาโดยตลอด แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับจิโอวานนี่ได้ปลุกส่วนหนึ่งของเธอที่เธอคิดว่าตายไปนานแล้ว ขณะที่เธอเดินเตร่ไปตามสถานีรถไฟ ที่ซึ่งเธอจะออกเดินทางไปปารีสและกลับไปรวมตัวกับครอบครัวในที่สุด แมรี่ต้องเผชิญหน้ากับความคาดหวังที่น่ากลัวในการเลือกระหว่างอนาคตที่แตกต่างกันอย่างมากสองแบบ จิโอวานนี่รับรู้ได้ถึงความไม่แน่นอนของแมรี่ จึงกระตือรือร้นที่จะโน้มน้าวให้เธออยู่ต่อมากขึ้น เขาสมัครเธอให้เห็นความสวยงามของอิตาลี โดยพาเธอไปที่น้ำพุเทรวี ที่ซึ่งเธอขอพร และพวกเขาก็เดินเตร่ไปตามถนนในกรุงโรม หลงทางในการสนทนา แต่เมื่อความตึงเครียดระหว่างพวกเขาสูงขึ้น ก็เป็นที่ชัดเจนว่าการตัดสินใจของแมรี่ไม่ได้เกี่ยวกับการเลือกระหว่างผู้ชายสองคนเท่านั้น แต่เกี่ยวกับการเลือกระหว่างตัวตนสองแบบของเธอ ตัวละครสนับสนุนของภาพยนตร์เพิ่มความลึกและความซับซ้อนให้กับเรื่องราว โรเบิร์ต สามีของแมรี่ เป็นบุคคลที่น่าเห็นใจ ผู้ซึ่งกำลังดิ้นรนเพื่อทำใจให้ได้กับการสูญเสียความรักของภรรยา เขาถูกวาดภาพให้เป็นชายใจดีและเข้าใจ ซึ่งต้องการสร้างชีวิตแต่งงานใหม่และกอบกู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา เอมิลี่ ลูกสาวของพวกเขา คือเสาหลักทางอารมณ์ของครอบครัว ซึ่งให้ความรู้สึกต่อเนื่องและความมั่นคงในโลกที่ไม่แน่นอน ในขณะเดียวกัน ครอบครัวของจิโอวานนี่ถูกวาดภาพให้เป็นแบบดั้งเดิมและเข้มงวด โดยที่แม่และน้องสาวของเขามองว่าแมรี่เป็นภัยคุกคามต่อเกียรติของครอบครัว สิ่งนี้เพิ่มความตึงเครียดให้กับเรื่องราวเป็นพิเศษ เนื่องจากแมรี่ถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับความคาดหวังทางสังคมที่หล่อหลอมชีวิตของเธอ ท้ายที่สุดแล้ว บทสรุปของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขมขื่น แมรี่ตัดสินใจกลับไปหาโรเบิร์ต(สามี) และลูกสาว เลือกความปลอดภัยและความคุ้นเคยของชีวิตเก่ามากกว่าความรักที่เร่าร้อนแต่คาดเดาไม่ได้กับจิโอวานนี่ ภาพยนตร์จบลงด้วยภาพของแมรี่บนรถไฟ มองออกไปนอกหน้าต่างไปยังภูมิทัศน์ที่กำลังเคลื่อนผ่าน หัวใจของเธอหนักอึ้งด้วยความรู้ว่าเธอกำลังทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง 'ไฟรักในโรม' เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นอย่างสวยงาม ซึ่งสำรวจความซับซ้อนของความสัมพันธ์ของมนุษย์ด้วยความอ่อนไหวและความละเอียดอ่อน เป็นเรื่องราวของมนุษย์อย่างลึกซึ้งที่ตั้งคำถามยากๆ เกี่ยวกับความรัก ความภักดี และทางเลือกที่เราทำในชีวิต ธีมของภาพยนตร์เกี่ยวกับวิกฤตวัยกลางคน อัตลักษณ์ และการค้นหาความจริงใจยังคงสะท้อนใจผู้ชมในปัจจุบัน ทำให้เป็นภาพยนตร์คลาสสิกเหนือกาลเวลาที่ควรค่าแก่การถูกค้นพบ

ไฟรักในโรม screenshot 1
ไฟรักในโรม screenshot 2
ไฟรักในโรม screenshot 3

วิจารณ์