ชีวิตหรืออะไรทำนองนั้น

พล็อต
เลนี่ เคอร์ริแกน นักข่าวสาวผู้มุ่งมั่นและทะเยอทะยาน ขับเคลื่อนด้วยความปรารถนาที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในโลก เธอก้าวหน้าในแวดวงข่าวโทรทัศน์อย่างรวดเร็ว สร้างชื่อเสียงในฐานะนักข่าวที่เฉียบคม มีไหวพริบในการถามคำถามที่ตรงประเด็นและนำเสนอเรื่องราวได้อย่างน่าติดตาม ชีวิตของเลนี่วนเวียนอยู่กับการติดตามข่าว การสัมภาษณ์ และการส่งเรื่องราวของเธอภายใต้กำหนดเวลาที่กระชั้นชิด ในการแสวงหาเรื่องราวที่น่าสนใจ เลนี่บังเอิญเจอกับชายไร้บ้านคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งในเมือง เธอเห็นว่าเขาเป็นหัวข้อที่เหมาะสมสำหรับสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับเกมฟุตบอลที่กำลังจะมาถึง และเธอรีบเข้าไปหาเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเริ่มสัมภาษณ์เขา เขาก็ทำให้เธอประหลาดใจด้วยการทำนายที่น่าขนลุกว่า "คุณชื่อเลนี่ คุณเป็นนักข่าว คุณจะไปดูเกมฟุตบอลสุดสัปดาห์นี้ คุณจะสัมภาษณ์โค้ช และคุณจะได้สกู๊ปข่าวเกี่ยวกับเกม แต่คุณมีบางอย่างในชีวิตของคุณ บางอย่างที่ไม่น่าจะจบลงด้วยดี คุณมีเวลาประมาณห้าวันในการหาคำตอบ" เลนี่รู้สึกตกใจกับคำพูดของชายไร้บ้าน ตอนแรก เธอคิดว่ามันเป็นเพียงคำพูดเพ้อเจ้อของคนที่มีปัญหาทางจิต แต่เมื่อเธอสัมภาษณ์เขาต่อไป เธอก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกที่ว่าเขาอาจจะรู้เรื่องบางอย่างออกไปได้ คำพูดของเขาเริ่มสะท้อนอยู่ในใจของเธอ ทำให้เธอตั้งคำถามกับชีวิตและเป้าหมายของตัวเอง เธอเริ่มสงสัยว่าเธอกำลังใช้ชีวิตที่ต้องการจริงๆ หรือแค่ทำตามสิ่งที่เป็นอยู่ ความคิดของเลนี่เริ่มครอบงำเธอ เธอเริ่มสังเกตรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตที่เธอเคยละเลยไปก่อนหน้านี้ เธอตระหนักว่างานของเธอในฐานะนักข่าวกลายเป็นเพียงเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมาย เป็นช่องทางในการหารายได้ มากกว่าที่จะเป็นแรงผลักดันที่แท้จริง ความสัมพันธ์ของเธอผิวเผิน และเธอมีความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับคนรอบข้างเพียงเล็กน้อย เธอรู้สึกว่างเปล่าและไม่เติมเต็ม ความรู้สึกกระสับกระส่ายที่เธอไม่สามารถสลัดออกไปได้ ชีวิตของเลนี่เป็นแบบแผน และแบบแผนเหล่านั้นเริ่มซ้ำรอยกิจวัตรประจำวันของเธอเป็นไปตามที่คาดการณ์ได้เสมอ และเธอมักจะสงสัยว่าอนาคตของเธอจะเป็นอย่างไร เธอเริ่มตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ของเธอ รวมถึงการหมั้นหมายกับแฟนหนุ่มของเธอ พีท นี่คือสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ หรือ? นี่คือชีวิตที่เธอวาดฝันไว้สำหรับตัวเองหรือไม่? เมื่อวันเวลาผ่านไป เลนี่พบว่าตัวเองหมกมุ่นอยู่กับการทำนายของชายไร้บ้านมากขึ้น เธอเริ่มเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างชีวิตของเธอเองกับชีวิตของคนรอบข้าง เธอได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อโดเรีย ศิลปินที่มีความสามารถซึ่งเสียสละความฝันของเธอเพื่อสนับสนุนครอบครัวของเธอ เธอยังได้พบกับนักดนตรีหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อ นิค ผู้ซึ่งสูญเสียความหลงใหลในดนตรีให้กับแรงกดดันในการทำมาหากิน จากการพบปะเหล่านี้ เลนี่เริ่มเข้าใจว่าชีวิตเป็นมากกว่าแค่แบบแผนและกิจวัตร แต่เป็นพรมที่ทอด้วยความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ทางเลือก และผลที่ตามมา เธอตระหนักว่าเส้นทางที่เธอกำลังเดินนั้นไม่ได้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับเธอ และเธอมีอำนาจที่จะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเธอได้ เมื่อเธอเจาะลึกลงไปในการทำนายของชายไร้บ้าน เลนี่เริ่มประสบกับสิ่งแปลกประหลาดและไม่คาดฝัน เธอเห็นภาพการตายของตัวเอง ภาพที่หลอกหลอนเธอและทำให้เธอตั้งคำถามกับธรรมชาติของการดำรงอยู่ของเธอ เธอเชื่อมั่นว่าคำพูดของชายไร้บ้านไม่ได้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่มีบางสิ่งที่ลึกซึ้งและเหนือโลกกำลังทำงานอยู่ การค้นหาคำตอบของเลนี่พาเธอไปยังสำนักงานของนักพลังจิตในท้องถิ่น ซึ่งเปิดเผยกับเธอว่าชายไร้บ้านเป็นสิ่งมีชีวิตจากอีกมิติหนึ่ง เขามีพรสวรรค์พิเศษที่ช่วยให้เขามองทะลุผ่านม่านแห่งกาลเวลาและทำนายอนาคตของผู้คนรอบข้างได้ นักพลังจิตยังบอกเลนี่ว่าเธอมีเวลาห้าวันในการเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของเธอ เพื่อเปลี่ยนรูปแบบที่นำไปสู่การล่มสลายของเธอ ในฉากสุดท้ายของภาพยนตร์ เลนี่ต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจ เธอสามารถเดินต่อไปบนเส้นทางที่ถูกวางไว้สำหรับเธอ หรือเธอสามารถก้าวกระโดดด้วยศรัทธาและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอได้ เมื่อเธอพิจารณาทางเลือกต่างๆ เลนี่ก็เข้าใจว่าอำนาจในการเปลี่ยนแปลงอนาคตของเธออยู่ในตัวเธอ เธอมีความสามารถในการเลือกเส้นทางที่แตกต่าง เส้นทางที่เต็มไปด้วยความหลงใหล จุดมุ่งหมาย และความหมาย ในท้ายที่สุด เลนี่ก็ทำการตัดสินใจที่จะกำหนดเส้นทางชีวิตของเธอต่อไป เธอเสี่ยงและเลือกเส้นทางใหม่ เส้นทางที่ไม่แน่นอนแต่เต็มไปด้วยความหวัง ขณะที่เธอเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่นี้ เธอก็ได้รับการเตือนว่าชีวิตคือของขวัญ เป็นสิ่งที่ควรจะใช้ชีวิตด้วยความตั้งใจและจุดมุ่งหมาย ภาพยนตร์จบลงด้วยความหวัง โดยเลนี่มองไปยังอนาคตด้วยความรู้สึกถึงความเป็นไปได้และความตื่นเต้น ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาลด้วยคำทำนายของชายไร้บ้านที่มองทะลุผ่านม่านแห่งกาลเวลา
วิจารณ์
คำแนะนำ
