María Montez: เดอะมูฟวี่

พล็อต
María Montez: เรื่องราวที่ไม่เคยถูกบอกเล่าของเงือกสาวที่ถูกลืมแห่งฮอลลีวูด เกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1912 ที่เมืองบาราโฮนา สาธารณรัฐโดมินิกัน มาเรีย มอนเตซ เป็นอัญมณีที่แปลกใหม่ที่ฮอลลีวูดและยุโรปต่างต้องการตัวอย่างมากในทศวรรษ 1940 ความงามอันน่าทึ่งนี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ 'ราชินีแห่งเทคนิคคัลเลอร์' มีทุกอย่าง ทั้งรอยยิ้มที่น่าดึงดูดใจ รูปลักษณ์ที่โดดเด่น และบุคลิกที่ร้อนแรงที่ทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลัง จากวันแรกๆ ที่เธอเป็นนักร้องคาบาเรต์ ไปจนถึงการก้าวขึ้นสู่นักแสดงฮอลลีวูดอย่างรวดเร็ว ชีวิตของมาเรียคือเรื่องราวที่น่าสนใจของความสำเร็จจากยาจกสู่คนรวย ความหลงใหล และท้ายที่สุด คือโศกนาฏกรรม มาเรียเติบโตในครอบครัวชนชั้นแรงงานชาวโดมินิกัน และได้รับการดึงดูดเข้าสู่งานแสดงตั้งแต่ยังเด็ก ความสามารถของเธอในฐานะนักร้องและนักเต้นนำพาเธอไปทำงานที่คาบาเรต์และไนต์คลับต่างๆ ในเกาะบ้านเกิดของเธอ ซึ่งเธอได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากการแสดงที่น่าดึงดูดใจของเธอ อย่างไรก็ตาม โอกาสในการแสดงความสามารถของเธอในสหรัฐอเมริกาจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปตลอดกาล ในปี 1937 มาเรียเดินทางไปนิวยอร์กซิตี้ ซึ่งเธอได้พบกับโปรดิวเซอร์และผู้จัดการต่างๆ ที่ต้องการเปิดตัวอาชีพการงานของเธอ เสน่ห์และความสามารถของเธอในที่สุดก็ดึงดูดความสนใจของเจ้าพ่อ Paramount Pictures อย่าง บัดดี้ จี. เดอซิลวา ซึ่งเห็นบางสิ่งในมาเรียที่เขาเชื่อว่าจะทำให้เธอเป็นดาราใหญ่คนต่อไป เดอซิลวา ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการค้นพบและส่งเสริมนักแสดงที่มีความสามารถ ประทับใจในบุคลิกที่ร้อนแรง รูปลักษณ์ที่โดดเด่น และการแสดงบนเวทีที่น่าดึงดูดใจของมาเรีย Paramount Pictures ตัดสินใจที่จะแนะนำมาเรียให้รู้จักกับชาวอเมริกันด้วยผลงานอลังการงานสร้างสีสันสดใสเรื่อง 'Arabian Nights' (1942) ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการผจญภัยที่น่าอัศจรรย์ในเปอร์เซียโบราณ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเต้น ร้องเพลง และการแสดงของมาเรีย ซึ่งเป็นการเสริมสร้างสถานที่ของเธอในสปอตไลท์ของฮอลลีวูด ในขณะที่ความนิยมของมาเรียพุ่งสูงขึ้น ชื่อเสียงของเธอก็เช่นกัน ภาพยนตร์ต่อๆ ไปของเธอ รวมถึง 'Ali Baba and the Forty Thieves' (1940), 'White Savage' (1942) และ 'Three Loose Women' (1956) ได้ตอกย้ำสถานะของเธอในฐานะราชินีแห่ง Technicolor โดยได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Academy Award สองครั้ง ความสำเร็จของมาเรียไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในภาพยนตร์เท่านั้น เธอยังสร้างความฮือฮาให้กับไลฟ์สไตล์ที่หรูหราและความรักที่มีชื่อเสียงอีกด้วย การแต่งงานของเธอกับ ฌอง-ปิแอร์ โอมอนต์ นักแสดงชาวฝรั่งเศสผู้มีเสน่ห์ ทำให้เกิดพาดหัวข่าวในปี 1943 และความโรแมนติกของพวกเขาก็กลายเป็นสิ่งสำคัญในวงสังคมของฮอลลีวูด ในขณะที่ชื่อเสียงของมาเรียเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เธอก็กลายเป็นสิ่งสำคัญในสังคมชั้นสูงของยุโรป โดยคลุกคลีอยู่กับราชวงศ์และชนชั้นสูงของฮอลลีวูด อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความเย้ายวนใจและความเย้ายวนใจ มาเรียต้องดิ้นรนกับปีศาจส่วนตัว การแต่งงานที่วุ่นวายของเธอจบลงด้วยการหย่าร้างในปี 1946 ทำให้เธออกหักและพยายามที่จะหาความปลอบโยนในความหรูหราที่ว่างเปล่าในชีวิตของเธอ การพึ่งพาการใช้ยาที่เพิ่มขึ้นของมาเรียและการต่อสู้กับการเสพติดของเธอจะกลายเป็นแก่นหลักในชีวิตของเธอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเธอในที่สุด ทศวรรษ 1940 และ 1950 เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายสำหรับมาเรีย ซึ่งเป็นช่วงที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ความรักที่พันกัน และความขัดแย้งส่วนตัว การแต่งงานของเธอกับ จอห์น โลเดอร์ นักแสดงชาวอังกฤษ ซึ่งกินเวลานานตั้งแต่ปี 1947 จนกระทั่งเธอเสียชีวิตในปี 1951 ยิ่งทำให้ความรู้สึกของเธอสับสน และเติมเชื้อเพลิงให้กับปัญหาการเสพติดของเธอที่เพิ่มขึ้น แม้จะต้องดิ้นรน แต่มาเรียก็ยังคงเป็นดาราที่ได้รับความรัก ซึ่งเป็นที่รู้จักจากความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และความใจดีต่อแฟนๆ ของเธอ ผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนนี้ ซึ่งรอยยิ้มสามารถทำให้ห้องทั้งห้องสว่างขึ้นได้นั้น แท้จริงแล้วเป็นศูนย์รวมของความสง่างามและเสน่ห์ของฮอลลีวูด เมื่อวันที่ 7 กันยายน 1951 ชีวิตของมาเรีย มอนเตซก็มาถึงจุดจบที่น่าเศร้าจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ขณะอยู่ในช่วงพักผ่อนในยุโรป การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของนางเงือกผู้มีเสน่ห์คนนี้ทำให้วงการภาพยนตร์ทั้งวงการตกตะลึง และทำให้แฟนๆ และเพื่อนร่วมงานต้องช็อก ขณะที่ข่าวการเสียชีวิตของเธอแพร่กระจายไปทั่วโลก เรื่องราวที่ไม่เคยถูกบอกเล่าของมาเรีย ซึ่งถูกห่อหุ้มไปด้วยความลึกลับและความหลงใหล กลายเป็นเรื่องราวเตือนใจเกี่ยวกับโลกที่โหดร้ายของฮอลลีวูดและราคาที่ร้ายกาจของชื่อเสียง วันนี้ เมื่อเราหวนระลึกถึงชีวิตและมรดกของมาเรีย มอนเตซ เราได้รับการเตือนว่าเรื่องราวของเธอเป็นมากกว่าบทที่ถูกลืมในประวัติศาสตร์ของฮอลลีวูด เป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังที่ยั่งยืนของจิตวิญญาณของมนุษย์และการแสวงหาความปรารถนาอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม มาเรีย มอนเตซ เป็นและจะเป็นตำนานของฮอลลีวูดตลอดไป และเรื่องราวที่ไม่เคยถูกเล่าขานของเธอจะยังคงดึงดูดผู้ชมและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ที่กล้าที่จะฝันให้ใหญ่
วิจารณ์
คำแนะนำ
