Marnie (มาร์นี่)

Marnie (มาร์นี่)

พล็อต

'Marnie' ภาพยนตร์ดราม่าจิตวิทยาปี 1964 ติดตามเรื่องราวของ Marnie Edgar ตัวละครหลักที่ซับซ้อนและลึกลับ รับบทโดย Tippi Hedren ผู้ซึ่งต้องต่อสู้กับปีศาจภายในจิตใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันในปี 1961 ของ Winston Graham และกำกับโดย Alfred Hitchcock ผู้กำกับชื่อดัง เรื่องราวเริ่มต้นในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ที่ซึ่ง Marnie ทำงานเป็นเลขานุการของบริษัทขนส่ง ชีวิตของเธอภายนอกดูเหมือนคนปกติทั่วไป แต่ภายใต้ผิวนอกนั้นซ่อนความวุ่นวายทางจิตใจอย่างลึกซึ้ง Marnie ทนทุกข์ทรมานจากโรค kleptomania โรคย้ำคิดย้ำทำที่ทำให้เธออยากขโมย ซึ่งเธอพยายามควบคุม จากบาดแผลในอดีตของเธอที่ค่อย ๆ เปิดเผยตลอดทั้งเรื่อง นำไปสู่สภาพที่เป็นอยู่ Mark Rutland รับบทโดย Sean Connery เป็นเจ้าของบริษัทขนส่งที่มีเสน่ห์ดึงดูดและเฉลียวฉลาด เขาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลที่ไม่ถูกข่มขู่ได้ง่าย เมื่อเขาค้นพบความลับของ Marnie โดยบังเอิญ เขากลับเห็นโอกาสที่จะเปิดโปงเธอและอาจได้รับผลประโยชน์จากมัน อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ Mark เจาะลึกลงไปในอดีตของ Marnie เขากลับหลงใหลในตัวละครที่ลึกลับของเธอมากขึ้นเรื่อยៗ เขาเริ่มแบล็กเมล์เธอ โดยเรียกร้องให้เธอแต่งงานกับเขาเพื่อแลกกับความเงียบเกี่ยวกับเรื่องขโมยของเธอ Marnie หมดหนทางที่จะเก็บความลับไว้ จึงตกลงแต่งงานกับ Mark และพวกเขาได้ไปลงหลักปักฐานในที่ดินของเขาในสกอตแลนด์ เมื่อเรื่องราวคลี่คลาย ความซับซ้อนของตัวละคร Marnie ค่อยๆ ถูกเปิดเผย เธอเป็นคนที่มีความซับซ้อนและมีหลายแง่มุม มีอดีตที่วุ่นวายและความรู้สึกอ่อนแออย่างลึกซึ้ง จากปฏิสัมพันธ์ของเธอกับ Mark ทำให้เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่แค่คนที่เป็นโรค kleptomania แต่เป็นคนที่บอบช้ำทางจิตใจอย่างมากที่พยายามรับมือกับรอยแผลเป็นทางอารมณ์จากอดีตของเธอ การดำเนินเรื่องของภาพยนตร์เป็นไปอย่างมีสติและค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผู้ชมได้ซึมซับความแตกต่างของความสัมพันธ์ของตัวละคร การถ่ายภาพเป็นที่น่าสังเกต โดย Hitchcock ใช้การโคลสอัพและ Long Take ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาในการสร้างความรู้สึกใกล้ชิดและความตึงเครียด หนึ่งในแง่มุมที่โดดเด่นที่สุดของภาพยนตร์คือการแสดงความสัมพันธ์ของ Marnie กับตัวละครอื่น ๆ ปฏิสัมพันธ์ของเธอกับแม่ของเธอ รับบทโดย Diane Baker นั้นโดดเด่นเป็นพิเศษ ซึ่งเผยให้เห็นความรู้สึกผิดและความโกรธที่ฝังรากลึกมาตั้งแต่เด็ก ในทำนองเดียวกัน ความสัมพันธ์ของเธอกับ Mark ก็มีความซับซ้อนและมีหลายแง่มุม สั่นคลอนระหว่างความอ่อนโยนและความโหดร้าย แม้ว่าภาพยนตร์จะเน้นไปที่ความวุ่นวายภายในของ Marnie แต่เรื่องราวก็สำรวจธีมของความรักและความหลงใหล Mark แม้ว่าในตอนแรกจะมีแรงจูงใจจากการแบล็กเมล์ แต่ก็กลับหลงรัก Marnie มากขึ้นเรื่อย ๆ และความหลงใหลในตัวเธอเริ่มมีโทนคุกคามมากขึ้น ในขณะเดียวกัน Marnie เองก็ติดอยู่กับวงจรของความผิดและความอับอาย พยายามที่จะหลีกหนีจากความมืดมิดในอดีตของเธอ Tippi Hedren ฉายแววในบทนำ นำความลึกซึ้งและความแตกต่างมาสู่ตัวละคร ซึ่งทั้งน่าดึงดูดใจและน่าสะเทือนใจ การแสดงของเธอในบท Marnie เป็นผลงานชิ้นเอกที่เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน ถ่ายทอดความวุ่นวายภายในของตัวละครผ่านชุดของการแสดงที่ละเอียดอ่อนและภาษากาย ในขณะเดียวกัน Sean Connery ก็มอบความสง่างามให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ นำความจริงจังและอำนาจมาสู่บทบาทของ Mark Rutland การแสดงของเขามีความแตกต่างมากกว่าบทบาทอื่นๆ ของเขา โดยให้เหลือบมองความซับซ้อนของตัวละครของเขาและแรงจูงใจที่ผลักดันเขา บทสรุปของภาพยนตร์ทั้งน่าสะพรึงกลัวและน่าสลดใจ นำเสนอความรู้สึกถึงการแก้ไขในขณะที่ยังทิ้งคำถามสำคัญหลายข้อไว้โดยไม่มีคำตอบ ชะตากรรมของ Marnie ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าในที่สุด เมื่อเธอถูกดึงกลับเข้าไปในความมืดมิดในอดีตด้วยอำนาจที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอ ท้ายที่สุด 'Marnie' คือการสำรวจจิตใจมนุษย์อย่างชำนาญ นำเสนอภาพบุคคลที่ร่ำรวยและแตกต่างของตัวละครที่ซับซ้อนอย่างลึกซึ้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงทักษะของ Hitchcock ในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ โดยใช้การผสมผสานระหว่างการหักมุมของโครงเรื่องที่ชาญฉลาดและการพัฒนาตัวละครที่ละเอียดอ่อนเพื่อสร้างเรื่องราวที่ทั้งน่าดึงดูดใจและสะเทือนอารมณ์

Marnie (มาร์นี่) screenshot 1
Marnie (มาร์นี่) screenshot 2
Marnie (มาร์นี่) screenshot 3

วิจารณ์