อาจจะมีวันนั้น

พล็อต
ในภาพยนตร์ที่กินใจเรื่อง อาจจะมีวันนั้น เราติดตาม เจย์ ช่างภาพนอนไบนารีที่ต้องเผชิญกับความซับซ้อนของความสัมพันธ์ที่กำลังพังทลายและความรู้สึกถึงเป้าหมายในชีวิตของเธอเอง กล้องจับภาพเจย์ในห้วงเวลาที่เปราะบางเป็นพิเศษ ขณะที่เธอพยายามจะถอนรากถอนโคนชีวิตของเธอและย้ายไปอยู่อีกฝั่งของประเทศ เพื่อหนีจากซากปรักหักพังของการแต่งงานของเธอ การขับรถของเจย์เป็นเหมือนอุปมาสำหรับเส้นทางที่เราทุกคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือทางอารมณ์ ในการแสวงหาสัจจะของตนเอง การใคร่ครวญของเธอเข้มข้นขึ้นจากการแยกทางกับภรรยาเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่เจย์ต้องต่อสู้กับผลกระทบทางอารมณ์จากความสัมพันธ์ของพวกเขา เธออดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่าเธอต้องการอะไรอย่างแท้จริงสำหรับอนาคตของเธอ การใคร่ครวญนี้สะท้อนให้เห็นในการถ่ายทำภาพยนตร์ที่น่าทึ่ง ที่ซึ่งสภาพแวดล้อมของเจย์ทำหน้าที่เป็นการสะท้อนที่กินใจถึงความวุ่นวายภายในของเธอ เมื่อเจย์แวะพักระหว่างทางไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ของเธอ เราก็ได้รู้จักกับ เจสซี่ เพื่อนสนิทสมัยมัธยมปลายของเธอ การกลับมาพบกันของพวกเขามีทั้งความคิดถึง มิตรภาพเก่าๆ และความรู้สึกที่ปะทุขึ้นมาใหม่ที่เจย์เคยกดเก็บไว้เมื่อนานมาแล้ว โดยที่เจย์ไม่รู้ตัว หรือดูเหมือนว่าไม่รู้ตัว เจสซี่เก็บงำอารมณ์ที่ถูกลืมเลือนเหล่านี้ไว้ ทำให้มิตรภาพของพวกเขามีชีวิตชีวาซึ่งตอนนี้รู้สึกเหมือนถูกแต่งแต้มด้วยรักที่ไม่สมหวัง บางทีอาจเป็นความคุ้นเคยของเจสซี่ที่ทำให้เจย์นึกถึงช่วงเวลาที่ชีวิตรู้สึกเรียบง่ายกว่า ระหว่างที่ไปเยี่ยมเจสซี่ เจย์ได้เป็นเพื่อนกับ ลูคัส นักแสดงตลกเกย์ที่มีเสน่ห์และมีไหวพริบ การปรากฏตัวของลูคัสช่วยเยียวยาความเศร้าของเจย์ เติมอารมณ์ขันและความเบาใจให้กับชีวิตของเธอในช่วงเวลาที่เธอต้องการอย่างมาก ความอบอุ่นและความสนใจอย่างจริงใจของเขาในชีวิตของเจย์เป็นการปลดปล่อยทางอารมณ์ที่จำเป็นมาก กระตุ้นให้เธอเผชิญหน้ากับอดีตและความรู้สึกของเธอ การพบกันโดยบังเอิญนี้ยังเป็นการเตือนใจที่กินใจถึงพลังของการเชื่อมโยงของมนุษย์ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด เมื่อเจย์ใช้เวลากับลูคัสมากขึ้น เธอเริ่มเผชิญหน้ากับวิญญาณในอดีตของเธอ และความทรงจำที่ถูกกดไว้มานานก็เริ่มผุดขึ้นมาใหม่ ภาพหวนอดีตเหล่านี้ไม่ได้ฉายภาพอดีตที่ซับซ้อนของเจย์เท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ในโรงเรียนมัธยมปลายของพวกเขาด้วย เราเห็นภาพเจย์ที่ไม่ใช่คนที่มีความมั่นใจในตนเองอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน แต่เป็นวัยรุ่นที่เปราะบางและไม่แน่นอน ไม่แน่ใจในที่ยืนของตนในโลก ดูเหมือนว่าลูคัสจะเป็นตัวเร่งให้เจย์เผชิญหน้ากับความทรงจำที่ถูกเก็บกดเหล่านี้ และประเมินความรู้สึกของเธอที่มีต่อเพื่อนของเธอและต่อตัวเธอเองใหม่ เจสซี่เองก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกันเมื่อเจย์เผชิญหน้ากับความรู้สึกที่ค้างคาใจของเธอที่มีต่อเพื่อนของเธอ บางทีอาจเป็นเพราะการตระหนักว่าความรู้สึกของพวกเขามีร่วมกันมานานแล้วที่ทำให้เจย์ยอมรับและตรวจสอบความรักในอดีตของพวกเขาในที่สุด นี่เป็นช่วงเวลาที่กินใจในภาพยนตร์ เป็นช่วงเวลาที่ยอมรับความซับซ้อนและความงามของรักที่ไม่สมหวัง ตลอดทั้งเรื่อง ผู้กำกับ Maybe Someday ใช้เส้นทางของเจย์เพื่อตรวจสอบความซับซ้อนของความรัก ความสัมพันธ์ และตัวตน เราเห็นเรื่องราวของเจย์เป็นภาพย่อส่วนของประสบการณ์ของมนุษย์ ที่เราทุกคนต้องต่อสู้กับความรัก การสูญเสีย และอัตลักษณ์ แนวทางการเล่าเรื่องนี้ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้รู้สึกเป็นสากลและกินใจ เตือนให้เราทราบว่าทุกคนกำลังอยู่ในเส้นทางการค้นพบตนเอง Maybe Someday จบลงด้วยการมาถึงจุดหมายปลายทางใหม่ของเจย์ แต่ที่สำคัญกว่านั้น เธอพบความกล้าหาญและความสุขที่เธอต้องการอย่างมากเพื่อก้าวไปข้างหน้าแล้ว ไม่ใช่บทสรุปที่คลี่คลายทุกอย่างอย่างเรียบร้อย แต่เป็นการเตือนใจที่กินใจว่าบางครั้งการปิดฉากสามารถพบได้ในช่วงเวลาที่เล็กที่สุดและผู้คนที่เราพบระหว่างทาง ฉากสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงอยู่ที่เจย์ ยิ้มแย้ม โดยมีทิวทัศน์เมืองอยู่เบื้องหลัง เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นที่เพิ่งค้นพบใหม่ของเธอ
วิจารณ์
คำแนะนำ
