ทรานส์ฟอร์เมอร์ส ดาร์ค ออฟ เดอะ มูน

พล็อต
Transformers: Dark of the Moon ดำเนินเรื่องต่อจากเหตุการณ์ในภาคก่อน Revenge of the Fallen สองปี ออโต้บอทส์ นำโดย Optimus Prime ทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านโครงการลับสุดยอดที่เรียกว่า NEST (Non Biological Entities Team) เมื่อออโต้บอทส์ทำหน้าที่เป็นพันธมิตรอย่างเปิดเผย ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และไซเบอร์ทรอนเนียนที่เคยเป็นความลับก็กลายเป็นที่เปิดเผยสู่สาธารณชน ในขณะที่ NEST ยังคงต่อสู้กับดีเซ็ปติคอนบนโลกและในอวกาศ Optimus Prime มุ่งมั่นที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และออโต้บอทส์ เขาเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน นั่นคือการปกป้องจักรวาลจากดีเซ็ปติคอนที่ชั่วร้าย อย่างไรก็ตาม ความไว้วางใจของ Optimus ที่มีต่อรัฐบาลถูกทดสอบเมื่อเขา พร้อมกับทีม NEST ที่เหลือ เริ่มต้นภารกิจไปยังเชอร์โนบิล ภารกิจนี้เป็นการปฏิบัติการที่สำคัญ โดยมีเป้าหมายเพื่อกู้คืนวัตถุที่มีค่าจากสถานที่เกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์อันน่าอับอาย อุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นล้อของยานอวกาศต่างดาว ถูกฝังลึกอยู่ในดินแดนรกร้างนิวเคลียร์ของเชอร์โนบิลมานานหลายทศวรรษ เมื่อนำกลับมา ทีม NEST ตระหนักว่าวัตถุนั้นมีอะไรมากกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ในตอนแรก ชิ้นส่วนที่กู้คืนมาได้คือส่วนหนึ่งของโมดูลดวงจันทร์ และ Optimus Prime ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าวัตถุนั้นมีอะไรมากกว่าที่เห็น ความสงสัยของ Optimus เพิ่มมากขึ้นเมื่อเขาค้นพบว่ารัฐบาลจงใจปกปิดข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับที่มาของวัตถุและความสำคัญที่แท้จริงของมัน การตระหนักรู้โดยฉับพลันนี้จุดประกายความตึงเครียดระหว่าง Optimus และรัฐบาลสหรัฐฯ Sam Witwicky ชายหนุ่มผู้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ของออโต้บอทส์กับดีเซ็ปติคอน ก็พบว่าตัวเองพัวพันกับความลึกลับที่เกี่ยวข้องกับโมดูลดวงจันทร์เช่นกัน ปรากฎว่าโมดูลดวงจันทร์ถูกซ่อนไว้จากมนุษยชาติมานานหลายทศวรรษ และการเปิดเผยของมันจุดประกายทฤษฎีสมคบคิดครั้งใหญ่ในหมู่กลุ่มผู้มีอำนาจ รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Harold Attinger แห่ง Sector 7 กลายเป็นปฏิปักษ์มากขึ้นเรื่อยๆ ต่อออโต้บอทส์ Attinger ขับเคลื่อนด้วยความทะเยอทะยานที่จะควบคุมเทคโนโลยี เริ่มวางแผนที่จะกำจัดออโต้บอทส์ เพราะเขาเชื่อว่าพวกเขาเป็นภัยคุกคามต่อการควบคุมและความเข้าใจในเทคโนโลยีต่างดาวของมนุษยชาติ เมื่อ Optimus Prime กำลังต่อสู้กับการเปิดเผยว่ารัฐบาลกำลังโกหกเขา เขาพบว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือ Sentinel Prime ออโต้บอทส์ระดับสูงซึ่งถูกเปิดเผยว่าเป็นผู้นำของออโต้บอทส์ในช่วงเหตุการณ์หายนะบนไซเบอร์ตรอน Sentinel Prime ถูกส่งโดยรัฐบาลสหรัฐฯ มายังโลกเพื่อเจรจาในนามของพวกเขา โดยอ้างว่ามนุษย์และออโต้บอทส์สามารถทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะภัยคุกคามร่วมกันได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป Optimus Prime ก็เริ่มตระหนักว่า Sentinel Prime มีวาระซ่อนเร้น ในเหตุการณ์พลิกผันที่น่าทึ่ง มีการเปิดเผยว่า Sentinel Prime ได้เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลมนุษย์ โดยเชื่อว่าเป้าหมายของพวกเขาในการกำจัดดีเซ็ปติคอนและการปกป้องโลกสอดคล้องกับผลประโยชน์ของมนุษยชาติและไซเบอร์ตรอน เมื่อพันธมิตรดีเซ็ปติคอนยังคงแข็งแกร่งขึ้นบนโลก การต่อสู้ครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นเมื่อ Optimus Prime เผชิญกับการตัดสินใจขั้นสูงสุด: จะไว้วางใจรัฐบาลหรือต่อสู้เพื่อสิ่งที่เขาเชื่อ ในขณะเดียวกัน มนุษย์และออโต้บอทส์ต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่เข้มข้น ซึ่งผลักดันขอบเขตความสัมพันธ์ของพวกเขาและทดสอบความสามารถในการต่อสู้กับภัยคุกคามของดีเซ็ปติคอน ตลอดทั้งเรื่อง ฉากแอ็คชั่นมีอยู่มากมาย โดยแสดงให้เห็นภาพที่น่าทึ่งของยานพาหนะไซเบอร์ทรอนเนียนที่เข้าสู่การต่อสู้ และการเปิดตัวออโต้บอทส์ใหม่ๆ รวมถึง Starscream และ Sentinel Prime เรื่องราวมาถึงจุดไคลแม็กซ์ด้วยการต่อสู้ครั้งใหญ่ในชิคาโก เมื่อ Optimus และออโต้บอทส์เผชิญหน้ากับ Sentinel Prime และแผนการของรัฐบาลมนุษย์ ภาพยนตร์จบลงด้วยการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของ Optimus เมื่อเขาปฏิเสธที่จะทรยศพี่น้องออโต้บอทส์ของเขา และตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อ Optimus และออโต้บอทส์แยกทางกับ NEST รัฐบาลก็ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดอย่างเป็นทางการ แต่ก็เปิดประตูสำหรับการทำงานร่วมกันเพิ่มเติมในอนาคต ในท้ายที่สุด เมื่อ Optimus และทีมของเขายังคงต่อสู้กับดีเซ็ปติคอนต่อไป ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ปูทางไปสู่บทสรุปของไตรภาคใน Transformers: Age of Extinction ซึ่งเห็นการเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการที่ไร้ความปราณีซึ่งใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งระหว่างออโต้บอทส์และดีเซ็ปติคอนเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง Dark of the Moon นำมาซึ่งบทสรุปของภาคที่สองของไตรภาค แต่ก็ก่อให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับอนาคตของแฟรนไชส์และชะตากรรมของตัวละครอันเป็นที่รัก
วิจารณ์
คำแนะนำ
