Rampo Noir (รัมโป นัวร์)

พล็อต
Rampo Noir (รัมโป นัวร์) เป็นภาพยนตร์รวมเรื่องสั้นสัญชาติญี่ปุ่นที่ประกอบด้วยสี่ส่วน ซึ่งแต่ละส่วนอิงจากงานเขียนของนักเขียนสยองขวัญชื่อดัง เอโดงาวะ รัมโป ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งชื่อตามนามปากกาของผู้เขียน โดยเจาะลึกลงไปในมุมมืดของจิตใจมนุษย์ สำรวจธีมแห่งความหวาดกลัวทางจิตใจ ธรรมชาติของความบ้าคลั่ง และความพร่าเลือนระหว่างความเป็นจริงกับจินตนาการ ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยส่วน "Human Chair" (เก้าอี้มนุษย์) กำกับโดย อิซามุ ฮิราตะ ตอนนี้ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันของ เอโดงาวะ รัมโป ในปี 1925 เรื่องราวติดตามการฆาตกรรมลึกลับและน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น กลุ่มเพื่อนค้นพบศพชายที่ถูกเสียบด้วยเก้าอี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเบาะแสเดียวที่บ่งบอกถึงตัวตนของฆาตกร ในขณะที่พวกเขาพยายามไขปริศนาเบื้องหลังการฆาตกรรม พวกเขาตระหนักว่าพวกเขาไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่คิด และหนึ่งในสมาชิกกลุ่มของพวกเขาอาจเป็นผู้กระทำผิดที่แท้จริง ส่วน "Human Chair" เป็นข้อคิดเห็นที่กระตุ้นความคิดเกี่ยวกับธรรมชาติของความผิดและความรับผิดชอบ รวมถึงความเปราะบางของความสัมพันธ์ของมนุษย์ ผ่านการใช้ความตึงเครียดในบรรยากาศและเรื่องเล่าที่ค่อยๆ เผาไหม้ ฮิราตะสร้างเรื่องราวที่น่ากังวลและน่าสงสัยอย่างเชี่ยวชาญ ซึ่งทำให้ผู้ชมแทบนั่งไม่ติด ส่วนที่สอง กำกับโดย ฮิเดชิ ฮิโนะ และมีชื่อว่า "Woman in the Walls" (หญิงในกำแพง) ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันของ เอโดงาวะ รัมโป ในปี 1934 ในตอนนี้ ชายหนุ่มชื่อ ชุนสึเกะ ไปเยี่ยมลูกค้าผู้มั่งคั่งเพื่อตรวจสอบการหลอกหลอนในคฤหาสน์ของเขา ลูกค้าเชื่อว่าเสียงผู้หญิงร้องไห้ในกำแพงของคฤหาสน์เป็นการเกิดขึ้นเหนือธรรมชาติ แต่ชุนสึเกะสงสัยและมองว่ามันเป็นอุบายเพื่อให้เขาตรวจสอบและพักที่คฤหาสน์ เมื่อชุนสึเกะใช้เวลาในคฤหาสน์มากขึ้น เขาก็เริ่มค้นพบความจริงอันมืดมนและน่ากลัวเบื้องหลังความตั้งใจของลูกค้า ตอนนี้เป็นการสำรวจที่น่าสะเทือนใจของธีมแห่งการครอบงำ เช่นเดียวกับความพร่าเลือนระหว่างความเป็นจริงกับจินตนาการ การกำกับของฮิโนะเชี่ยวชาญในการสร้างความตึงเครียดและสร้างความรู้สึกไม่สบายใจให้กับผู้ชม ส่วนที่สาม กำกับโดย คิโยชิ คุโรซาวะ และมีชื่อว่า "Cat's Eye" (ดวงตาแมว) ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันของ เอโดงาวะ รัมโป ในปี 1939 ในตอนนี้ กลุ่มคนค้นพบว่าแมวแปลกๆ ตัวหนึ่งมีความสามารถในการมอบพรให้กับผู้ที่สบตา แต่คำขอพรมาพร้อมกับราคาที่แสนแพง และในไม่ช้ากลุ่มก็ตระหนักว่าพลังของแมวมาพร้อมกับราคาที่ร้ายกาจ การกำกับของคุโรซาวะเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพในการจับความรู้สึกไม่สบายใจและความหวาดกลัวที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งส่วน การมุ่งเน้นไปที่การปรากฏตัวที่น่ากังวลของแมวสร้างความรู้สึกตึงเครียดและความไม่สบายใจ และการสำรวจธีมแห่งพลังแห่งความปรารถนาและผลที่ตามมาของการเอ่ยคำขอพร ส่วนสุดท้าย กำกับโดย ทาคาชิ มิอิเกะ และมีชื่อว่า "Murder on D Street" (ฆาตกรรมบนถนนสาย D) ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันของ เอโดงาวะ รัมโป ในปี 1927 ในตอนนี้ นักสืบได้รับมอบหมายให้ไขคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นบริเวณชานเมืองโตเกียว การสอบสวนกลับกลายเป็นความมืดมนและน่ากลัวเมื่อนักสืบเจาะลึกลงไปในคดีและค้นพบใยแมงมุมแห่งการหลอกลวงและการทุจริตที่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุด การกำกับของมิอิเกะเป็นลักษณะเฉพาะของสไตล์ของเขา ซึ่งรวดเร็วและกระฉับกระเฉง ตอนนี้เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญที่จับใจซึ่งสำรวจมุมมืดของโลกใต้ดินของโตเกียวและระบบที่ทุจริตที่ดำรงอยู่ภายในนั้น โดยรวมแล้ว Rampo Noir (รัมโป นัวร์) เป็นภาพยนตร์รวมเรื่องสั้นที่ยอดเยี่ยมซึ่งแสดงให้เห็นถึงธีมที่มืดมนและกระตุ้นความคิดที่พบในงานเขียนของเอโดงาวะ รัมโป แต่ละส่วนเป็นเรื่องราวสแตนด์อโลนของความหวาดกลัวทางจิตใจ สำรวจความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์และความมืดที่ซ่อนอยู่ภายใน ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังที่ยั่งยืนของหนังสยองขวัญในฐานะประเภทหนึ่ง และความสามารถของผู้สร้างภาพยนตร์ในการตีความและจินตนาการถึงผลงานคลาสสิกในรูปแบบใหม่และสร้างสรรค์
วิจารณ์
คำแนะนำ
