The Hunger Games: Mockingjay - Part 1 (เกมล่าเกม: ม็อกกิ้งเจย์ - ภาค 1)

ในโลกอนาคตดิสโทเปียของพาเน็ม แคปิตอลที่กดขี่ ซึ่งนำโดยประธานาธิบดีสโนว์ ควบคุมอย่างเข้มงวด 12 เขตที่ครั้งหนึ่งเคยมีอิสระในระดับที่สำคัญ ทุกปี เพื่อเตือนเขตต่างๆ ถึงการพึ่งพาแคปิตอล 'เกมล่าชีวิต' จึงถูกจัดขึ้น โดยมีเครื่องบรรณาการ 24 คน - เด็กชาย 12 คนและเด็กหญิง 12 คน อายุ 12 ถึง 18 ปี - ได้รับเลือกจากทุกเขตเพื่อเข้าร่วมในการต่อสู้จนถึงแก่ชีวิต ด้วยความกล้าหาญ แคทนิส เอเวอร์ดีน นักล่าที่เชี่ยวชาญจากเขต 12 อาสาสมัครพร้อมกับเพื่อนของเธอ พีตา เมลลาร์ค สำหรับเกม ซึ่งพวกเขาสามารถเอาชนะและเล่นงานเครื่องบรรณาการคนอื่นๆ ได้ จนในที่สุดก็ชนะใจมวลชนได้ในกระบวนการนี้ หลังจากเกมล่าชีวิตครั้งที่ 74 แคทนิสและพีตาถูกพาตัวไปยังแคปิตอล ซึ่งพวกเขาได้รับการจัดแสดงในฐานะผู้ชนะ อย่างไรก็ตาม มันอยู่ในบริบทนี้เองที่พวกเขาถูกควบคุม และแคปิตอลพยายามใช้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเพื่อจุดประสงค์ในการโฆษณาชวนเชื่อ แต่แคทนิสและพีตาทราบดีถึงเกมที่กำลังเล่น พวกเขาแสร้งทำเป็นรักกันเพื่อรักษาภาพลวงตาและปกป้องเพื่อนและครอบครัวของพวกเขากลับในเขต 12 ในขณะที่แคทนิสกำลังดิ้นรนเพื่อรับมือกับผลพวงของเกม เธอก็ต้องเผชิญกับผลพวงที่คาดไม่ถึงของ Quarter Quell ของเกมครั้งที่ 75 ซึ่ง Gamemakers ได้ฟื้นคืนความทรงจำอันดำมืดของการกระทำที่โหดร้ายของแคปิตอล เด็กๆ ของอดีตผู้ชนะถูกบังคับให้ต่อสู้กันเองในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ แคทนิสยิ่งถูกกระตุ้นให้ดำเนินการต่อต้านแคปิตอลที่กดขี่ แคทนิสพบว่าตัวเองอยู่ตรงกลางของการปฏิวัติที่กำลังก่อตัว ดังนั้น เมื่อเธอปรากฏตัวในวิดีโอที่บันทึกไว้ล่วงหน้าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏ คำพูดของเธอจึงมีผลกระทบอย่างมาก - 'ฉันชื่อแคทนิส เอเวอร์ดีน ฉันอาสาสมัครเป็นเครื่องบรรณาการ' การท้าทายของเธอสะท้อนไปทั่วพาเน็ม ทำให้เกิดความกลัวในหัวใจของเจ้าหน้าที่แคปิตอล ตอนนี้ แคทนิสต้องสำรวจภูมิประเทศที่ทรยศของการกบฏ ในขณะที่ประธานาธิบดีสโนว์ขู่แคทนิสโดยตรง โดยเตือนเธอให้ 'ทำให้เปลวไฟสงบลง' มิฉะนั้นเธอจะได้รับผลร้าย ในขณะที่เขต 13 ซึ่งคิดกันมานานว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว เริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อการครอบงำของแคปิตอล ผู้นำของการกบฏ พลูตาร์ค เฮฟเวนสบี และเมนเทอร์ของแคทนิส เฮย์มิตช์ อเบอร์นาธี เปิดเผยในไม่ช้าว่าเขต 13 ได้ทำการสร้างใหม่อย่างเงียบๆ ใต้ผิวดินมาหลายปีแล้ว ท่ามกลางความวุ่นวายทางสังคมนี้ แคทนิสเริ่มสำรวจโลกของการเมืองและภาวะผู้นำในสงคราม ด้วยนักสู้กบฏของเธอ รวมถึงเมลลาร์คและพันธมิตรของเธอ แคทนิสจัดการโจมตีแคปิตอล ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่กล้าหาญซึ่งintensifiesความพยายามในสงคราม อย่างไรก็ตาม เมื่อแคทนิสเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งมากขึ้น ความสัมพันธ์ของเธอกับพีตาก็เริ่มตึงเครียดมากขึ้น สิ่งนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมื่อเธอถูกบังคับให้ตัดสินใจที่เป็นไปไม่ได้ - อพยพคนที่เธอรักและหลบหนี ในขณะที่พวกเขาพยายามลักลอบนำพีตาออกจากพาเน็ม แคทนิสถูกรบกวนด้วยความวุ่นวายและความสับสนในขณะที่การต่อสู้เพื่อการกบฏของเธอรวมเข้ากับความสัมพันธ์ที่ไม่มั่นคงและชีวิตส่วนตัวของเธอแล้ว ในการหลบหนีที่สิ้นหวังและทรงพลัง แคทนิสออกเดินทางเพื่อดึงพีตาออกมา แต่ในขณะเดียวกันก็ขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับแคปิตอล ผ่านการทดสอบที่ยากลำบากนี้ แคทนิสเข้าใจถึงburdenที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ในการถือครองเสื้อคลุมของ Mockingjay ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังสำหรับพลเมืองที่ถูกฉีกขาดจากสงครามของพาเน็มที่ถูกบดขยี้ภายใต้ส้นเท้าของผู้มีอำนาจทั้งหมด ในตอนท้ายของ Mockingjay - Part 1 แคทนิสปรากฏตัวในฐานะ Mockingjay ที่ไม่ย่อท้อ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจให้เอาชนะกองกำลังร้ายกาจของแคปิตอลที่ได้ก่อให้เกิดความหายนะเช่นนี้ต่อชีวิตที่อ่อนแอของเขตต่างๆ ในกรณีที่ได้รับชัยชนะ แคทนิสและสหายของเธอยืนอยู่บนจุดสุดยอดของการสร้างประวัติศาสตร์